เรียบเรียงจากบทสัมภาษณ์ นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ในรายการ “เที่ยงเปรี้ยงปร้าง” โดย สมจิตต์ นวเครือสุนทร
⸻
“มีความพยายามวิ่งเต้นภายในแพทยสภา”
นายพิชิต ไชยมงคล เปิดประเด็นร้อนกลางรายการ “เที่ยงเปรี้ยงปร้าง” ถึงกระบวนการสอบสวนกรณีการใช้ห้องพิเศษชั้น 14 ของนายทักษิณ ชินวัตร ว่าอาจไม่ได้ดำเนินไปอย่างโปร่งใสและเป็นธรรมตามหลักวิชาการแพทย์
“มีความพยายามวิ่งเต้นภายในแพทยสภาเพื่อให้การสรุปล่าช้า หรือเพื่อเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงบางอย่าง”
เขาอ้างถึง “หมอทหาร” คนหนึ่ง ซึ่งมีบทบาทเป็นแม่บ้านในแพทยสภา และมีความเชื่อมโยงกับครอบครัวทักษิณ โดยได้รับยศ ตำแหน่งอย่างรวดเร็วในรัฐบาลชุดปัจจุบัน พร้อมระบุว่า บุคคลดังกล่าวเสนอให้ตั้ง “อนุกรรมการกฎหมาย” จากคนนอก ซ้อนขึ้นมาอีกชุดหนึ่ง เพื่อกลั่นกรองผลสรุปของคณะอนุกรรมการฯ ที่ทำการสอบสวนอยู่เดิม ก่อนส่งให้แพทยสภา
“อ้างว่าเพื่อความรอบคอบ จะได้ไม่เกิดการฟ้องร้องในภายหลัง แต่ไม่มีระเบียบหรือกฎหมายรองรับให้ต้องทำเช่นนั้นเลย”
⸻
“แพทยสภา…กำลังจะกลายเป็นจำเลยของสังคม”
พิชิตแสดงความกังวลว่า แนวทางเช่นนี้นอกจากจะถ่วงเวลาแล้ว ยังอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงผลการสอบสวนก่อนนำเสนอต่อแพทยสภาใหญ่ อีกทั้งยังมีการตีความว่าอาจต้องให้วิทยาลัยการแพทย์เฉพาะทาง “รับรองผลการวินิจฉัย” ซ้ำอีกชั้น
“ถ้าแบบนี้เท่ากับช่วยถ่วงเวลา…แพทยสภาจะกลายเป็นจำเลยของสังคม แทนที่จะเป็นผู้ไขปริศนา”
เขายังฝากความหวังไว้ที่ ศ.เกียรติคุณ นพ.อมร ลีลารัศมี ประธานอนุกรรมการฯ ว่าจะยืนหยัดบนข้อเท็จจริง และเร่งสรุปผลให้เสร็จโดยเร็ว โดยไม่ปล่อยให้การเมืองเข้ามาครอบงำหลักวิชาการ
⸻
“ทักษิณไม่ได้ป่วยวิกฤต – ข้อเท็จจริงเปลี่ยนไม่ได้”
แม้จะมีความพยายามวิ่งเต้น แต่พิชิตยังเชื่อว่า ข้อเท็จจริงทางการแพทย์ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้
“เว้นแต่จะทำให้วิทยาศาสตร์กลายเป็นไสยศาสตร์…ถ้าแพทยสภายืนหยัดบนหลักวิชาการ แพทยสภาก็ต้องตอบให้ได้ว่า ทักษิณไม่ได้ป่วยวิกฤต”
เขาตั้งคำถามสำคัญไว้ว่า เหตุใดทักษิณจึงอยู่ชั้น 14 ได้ถึง 180 วัน? ป่วยวิกฤตจนไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้จริงหรือ?
⸻
“ต้องเรียกทักษิณมาไต่สวน – อย่าให้มีช่องโหว่ทางกฎหมายซ้ำอีก”
อีกหนึ่งประเด็นที่พิชิตเน้นคือ การเลื่อนการสรุปผลสอบออกไปอย่างไม่มีกำหนด อาจถูกมองว่าเป็นการ “ถ่วงเวลา” และเรียกร้องว่าต้อง เรียกทักษิณมาไต่สวนด้วยตัวเอง
“ก่อนหน้านี้มีคนไปร้องศาลปกครอง ศาลก็ตัดสินว่า แพทยสภาไม่เรียกผู้ถูกกล่าวหามาไต่สวน เป็นช่องว่างทางกฎหมาย เพราะฉะนั้นควรเรียก แม้ไม่มาก็มีหลักฐานว่าได้เชิญแล้ว”
ในตอนท้าย พิชิตยังชี้ว่า การยื่นเอกสารจากกรมราชทัณฑ์และโรงพยาบาลตำรวจ ต่ออนุกรรมการฯ ในภายหลัง ก่อนการประชุมแพทยสภาเพียงไม่กี่วัน ก็น่าจะหมดอายุความแล้วตามมาตรา 38 ของ พ.ร.บ.แพทยสภา ซึ่งให้ยื่นภายใน 180 วันหลังรับรู้ข้อเท็จจริง จึงไม่ควรรับเอกสารที่ยื่นล่าช้ามาไว้ในสำนวนอีกต่อไป
⸻
“กาสิNO เดินสายกดดันต่อ – 30 เมษา บุกพรรคปชป.”
นอกจากเรื่องแพทยสภา พิชิตยังกล่าวถึงการเคลื่อนไหวของภาคประชาชนที่คัดค้านกาสิNO โดยจะเริ่ม “เดินสายทวงจุดยืนพรรคร่วมรัฐบาล” ทุกวันพุธ เริ่มต้นที่พรรคประชาธิปัตย์วันที่ 30 เมษายนนี้
เขาคาดการณ์ว่า ในการเปิดสมัยประชุมวิสามัญเดือนพฤษภาคม อาจมีการหยิบเรื่องนิรโทษกรรมหรือกาสิโนขึ้นมาพิจารณาในสภาอีกครั้ง
“สถานบันเทิงครบวงจรเรายินดี แต่ 10% กาสิNO ต้องไม่ทำ!”