เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมามีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจจาก ชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีตสส.นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ สมชาย แสวงการ อดีตสว. รศ.ดร.เจษฎ์ โทณะวณิก นักวิชาการด้านกฎหมาย และ นิติธร ล้ำเหลือ หรือ ทนายนกเขา ยื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช.ให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญเอาผิด ครม.แพทองธารยกชุด ฐานฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญมาตรา 144 จากกรณีปรับลดงบชำระหนี้ 5 ธนาคารรัฐ 3.5 หมื่นล้านบาท ไปไว้ใน “งบกลาง” เพื่อทำโครงการแจกเงินหมื่น “ดิจิทัลวอลเล็ต”
มาตรา 144 : สกัด “ภัยต่อวินัยการคลัง”
ในโครงสร้างรัฐธรรมนูญไทย มาตรา 144 ถูกวางขึ้นอย่างละเอียดรัดกุม
เพื่อ ห้าม ส.ส., กมธ., หรือแม้แต่นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี
แก้ไข เปลี่ยนแปลงงบประมาณ โดยมิใช่ในทาง “ลดหรือตัดทอน”
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
รายจ่ายที่เป็นหนี้ตามกฎหมาย — เช่น เงินใช้หนี้ต้นเงินกู้ ดอกเบี้ยเงินกู้ — ต้องคงอยู่ตามสัญญาและข้อผูกพัน
เหตุผลสำคัญที่รัฐธรรมนูญกำหนดข้อห้ามนี้ไว้ ก็เพื่อ
รักษาความเชื่อมั่นทางการคลัง
ปกป้องความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ
ไม่ให้รัฐบาลใด ๆ เอาเงินที่ต้องชำระหนี้มาแจกเพื่อหวังผลการเมืองระยะสั้น
⸻
รัฐบาลเศรษฐา – แพทองธาร กับงบดิจิทัลวอลเล็ต
ในกรณีปัจจุบัน
• รัฐบาลเศรษฐา ปรับลดงบฯ ใช้หนี้กว่า 35,000 ล้านบาท
ซึ่งเดิมเป็นงบส่งใช้หนี้เงินกู้ของธนาคารรัฐ 5 แห่ง (ที่มีข้อผูกพันทางกฎหมายการเงินการคลัง)
• เงินส่วนนี้ถูก โยกมาเป็น “งบกลาง” เพื่อกันไว้สำหรับโครงการแจกเงินหมื่นดิจิทัลวอลเล็ต
จากนั้น
• รัฐบาลแพทองธาร เข้ารับช่วงต่อ โดยเบิกจ่ายเงินจริงจากงบกลางก้อนนี้เดินหน้าแจกเงินหมื่นบาทแก่ประชาชนตามแผน
⸻
ทำไมการโยกงบฯ แบบนี้ถึง “อันตราย” ต่อระบบงบประมาณ?
- ทำลายวินัยการเงินการคลังอย่างรุนแรง
• หนี้ที่รัฐกู้มา มีข้อกำหนดชัดเจนว่าต้องมีการกันงบฯ ชำระคืนตามเวลา
• การเอาเงินก้อนนี้มาใช้เพื่อวัตถุประสงค์อื่น แม้จะชั่วคราว แต่ถือว่า ผิดเจตนารมณ์ของกฎหมายการเงินการคลัง - กระทบความน่าเชื่อถือทางการเงินของรัฐ
• หากมีการตรวจพบ (ทั้งภายในประเทศหรือต่างประเทศ) ว่ารัฐบาลไม่รักษาวินัยการเงินการคลัง
อันดับความน่าเชื่อถือ (Credit Rating) ของประเทศอาจถูกปรับลด
• การเข้าถึงแหล่งเงินกู้ในอนาคตจะแพงขึ้น ดอกเบี้ยจะสูงขึ้น กระทบเศรษฐกิจมหภาคโดยตรง - เปิดทางให้รัฐบาลใด ๆ ใช้งบหนี้เพื่อวัตถุประสงค์ทางการเมือง
• หากมาตรฐานนี้ไม่ถูกยับยั้ง วันนี้คือเงินแจกดิจิทัล
พรุ่งนี้อาจกลายเป็น รัฐบาลใดก็ได้ ที่เอางบหนี้มา “เล่นการเมือง” แจกเพื่อคะแนนเสียง
• ระบบงบประมาณของประเทศเข้าสู่ความเสี่ยง - สร้างหนี้ทับหนี้ในอนาคต
• การเบี้ยวการจัดสรรเงินชำระหนี้ในระบบ นอกจากผิดวินัยแล้ว
ยังทำให้ภาระหนี้ในอนาคตสูงขึ้นแบบดอกทบต้น (เพราะต้องกู้เพิ่มมาโปะหนี้เดิม)
⸻
มาตรา 144 “เกราะป้องกันประเทศ”
การที่รัฐธรรมนูญไทยห้าม ส.ส.–กมธ.–ครม. เปลี่ยนงบฯ หนี้
ไม่ใช่เพื่อขัดขวางการทำงานรัฐบาล
แต่เพื่อปกป้องอนาคตของประเทศจากความเสี่ยงด้านวินัยการเงินการคลัง
“ถ้าไม่มีวินัยการเงิน ไม่มีรัฐบาลไหนสามารถพาประเทศไปได้ไกล”
วันนี้เรื่องการโยกงบฯ 35,000 ล้านบาท ถูกส่งให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบแล้ว
สิ่งที่ต้องตามต่อคือ “ป.ป.ช.” จะมีความกล้าหาญดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ที่มีหรือไม่ จะใช้เวลานานแค่ไหนก่อนส่งผ่านไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ
นี่จึงไม่ใช่แค่ “การตรวจสอบโครงการแจกเงิน”
แต่เป็น บทพิสูจน์ว่า ประเทศไทยยังมีหลักการในการปกป้องอนาคตทางเศรษฐกิจอยู่หรือไม่
⸻
ไม่ใช่ “นิติสงคราม” แต่คือ “กรรม” จากการกระทำของตัวเอง
และหากการตรวจสอบนำไปสู่การชี้ขาดว่ามีการกระทำขัดรัฐธรรมนูญจริง ไม่เพียงแค่ครม.ตั้งแต่รัฐบาลเศรษฐาจนถึงแพทองธารต้องพ้นตำแหน่งเท่านั้น สส. 309 คน และสว. 175 คนที่ร่วมโหวตผ่านงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 ในวาระที่สองและสาม รวมถึง กมธ.งบประมาณฯ 72 คน ก็อาจหนีไม่พ้นด้วยเช่นเดียวกัน
แล้วอย่าได้อ้างว่าเป็น “นิติสงคราม”
เพราะมันคือ “กรรม” จากการกระทำของตัวเอง