นับตั้งแต่วินาทีที่ตึก สตง.ถล่มจากแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวที่ไกลถึงประเทศเมียนมา ได้สร้างความสะเทือนใจให้กับคนไทยทั้งประเทศ เมื่อซากตึกได้ทับร่างคนงานนับร้อยชีวิตที่กำลังปฏิบัติงานอยู่เบื้องล่าง เหตุการณ์ที่ไม่เคยมีใครคาดคิดว่าจะเกิดขึ้นบนแผ่นดินนี้
ถึงวันนี้ล่วงเลยมา 30 วันแล้ว ทีมกู้ภัยยังคงปฏิบัติภารกิจต่อเนื่อง เพื่อค้นหาอีก 31 ผู้สูญหายที่ยังคงติดอยู่ใต้ซากปรักหักพัง หลังพบผู้เสียชีวิตแล้ว 63 ราย วันนี้ทีมกู้ภัยยังมุ่งค้นหาในพื้นที่ชั้นใต้ดินทั้ง 4 ชั้น ซึ่งคาดว่าเป็นบริเวณที่มีผู้ติดค้างอยู่เป็นจำนวนมาก
และที่ยังเป็นคำถามกึกก้องในใจครอบครัวผู้สูญเสีย และคนไทยทุกคนคือ ผู้รับผิดชอบต่อโศกนาฏกรรมครั้งนี้คือใคร เพราะคดีในมือตำรวจ และกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI ยังคงดำเนินอยู่ในขั้นการสืบสวนสอบสวน ท่ามกลางความเคลือบแคลงสงสัยถึงมาตรฐานความปลอดภัยของอาคาร การออกแบบ การก่อสร้าง และการอนุมัติ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่การพังทลายในครั้งนี้
ล่าสุดวันนี้ทางDSI ตำรวจ และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน เปิดตู้คอนเทนเนอร์ 24 ตู้ ที่เก็บเอกสารสำคัญต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างอาคาร เพื่อนำไปประกอบสำนวนคดี จากนั้นพรุ่งนี้เรียกวิศวกรที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบและก่อสร้างอาคารประมาณ 40 คน เข้ามาให้ปากคำ โดยจะเริ่มกระบวนการสอบสวน ก่อนขยายผลว่าเกี่ยวข้องกับการทุจริตในโครงการก่อสร้าง เช่น การถือหุ้นโดยอำพราง (นอมินี) การฮั้วประมูล การปลอมแปลงเอกสาร และการแก้ไขแบบต่อไป
ถึงตรงนี้นอกจากคดีนอมินีที่เพิ่งแจ้งข้อกล่าวหานักลงทุนชาวจีน และคนไทยอีก 3 คนที่ดูคืบหน้าที่สุดแล้ว ยังมีอีกหลายปมที่ยังคงควาญหาหลักฐานทั้งเรื่อง การแก้ไขแบบอาคารถึง 9 ครั้ง โดยเฉพาะแก้แบบปล่องลิฟต์ เรื่องบริษัทผู้รับเหมาโครงการที่ต้องเป็นผู้รับผิดชอบหลักตามกฎหมาย รวมถึง สตง. ที่ถูกตั้งคำถามถึงบทบาทในการตรวจสอบโครงการก่อสร้างอาคารของตนเอง และเรียกร้องให้เปิดเผยข้อมูลและให้ความร่วมมือในการสอบสวน สุดท้ายข้อสังเกตถึงการทุจริตในหลายขั้นตอนของโครงการ
หนึ่งเดือนผ่านไป ประชาชนต่างคาดหวังว่าการสอบสวน จะนำไปสู่การเปิดเผยความจริง และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องจะต้องถูกนำตัวมาลงโทษตามกฎหมาย เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ที่น่าเศร้าเช่นนี้ซ้ำรอยอีกในอนาคต เพราะบทเรียนราคาแพงนี้ สำหรับสังคมไทยไม่ควรเกิดขึ้นอีกต่อไป แต่ดูเหมือนความหวังยังไกลเกินเอื้อม