เรียบเรียงจากบทสัมภาษณ์ เทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์
ในรายการ “เที่ยงเปรี้ยงปร้าง” โดย สมจิตต์ นวเครือสุนทร
⸻
“ชัยชนะของพรรคกล้าธรรมในเขต 8 นครศรีธรรมราชครั้งนี้ เป็นความสำเร็จที่ทักษิณจะดีใจรองจากธรรมนัส”
เทพไท เสนพงศ์ เปิดฉากบทสัมภาษณ์ด้วยประโยคที่สะท้อนภาพการเปลี่ยนแปลงในภาคใต้ได้ชัดเจน เขาวิเคราะห์ว่า สำหรับทักษิณ ชินวัตร นี่คือชัยชนะเชิงยุทธศาสตร์ เพราะพรรคนอมินีสามารถปักธงในภาคใต้ได้สำเร็จโดยไม่ต้องเปลืองสรรพกำลังของพรรคเพื่อไทยโดยตรง
ก่อนหน้านี้ ทักษิณใช้พรรคประชาชาติสร้างฐานในสามจังหวัดชายแดนใต้ได้สำเร็จมาแล้ว และการที่พรรคกล้าธรรมคว้าที่นั่งนครศรีธรรมราชได้ จึงเป็นสัญญาณว่า “เกมสัมปทานภาคใต้” กำลังเริ่มต้น เพื่อไทยไม่จำเป็นต้องลุยเองอีกต่อไป แค่สนับสนุนพรรคพันธมิตรก็พอ
เทพไทพูดถึงบทบาทของธรรมนัสอย่างตรงไปตรงมา:
“วันนี้ธรรมนัสเป็นมือขวาทักษิณ เหมือนที่เนวิน ชิดชอบ เคยเป็น เขาทำงานเข้าเป้าตามแผน และน่าจะถูกใช้รบกับเนวินในโอกาสต่อไปด้วย”
⸻
เมื่อประชาธิปัตย์สูญเสีย ‘อุดมการณ์’ — ก้าวสู่เส้นทางสู่พรรคอะไหล่
ในมุมมองของอดีต ส.ส.ผู้นี้ ชะตากรรมของประชาธิปัตย์ในภาคใต้ขึ้นอยู่กับคำถามสำคัญข้อเดียว:
“ผู้บริหารพรรคชุดปัจจุบันคิดอย่างไร ยังมีอุดมการณ์อยู่หรือไม่?”
เขาย้อนอดีตให้เห็นว่า ประชาธิปัตย์ยืนยาวในภาคใต้ได้ เพราะขาย ‘อุดมการณ์’ ไม่ใช่แค่ตัวบุคคล แต่เมื่อถึงการเลือกตั้งปี 2562 ประชาชนบางส่วนหันไปเลือก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ส่วนปี 2566 ยิ่งตกต่ำหนัก จาก 52 เหลือเพียง 25 เสียง เพราะ “ไม่รักษาสัจจะวาจา”
“คนภาคใต้ชอบการเมืองที่มีอุดมการณ์ เมื่อไม่ทำตามสัญญา ไม่ยืนหยัดต่อสู้ระบอบสืบทอดอำนาจ เหมือนที่อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะเคยประกาศไว้ ประชาธิปัตย์ก็หมดจุดขายไปแล้ว” เทพไทย้ำ
เขาคาดการณ์อย่างไม่ลังเลว่า ในการเลือกตั้งครั้งหน้า ประชาธิปัตย์อาจเหลือ ส.ส.ภาคใต้เพียง 9–10 คน และกลายเป็นเพียง “พรรคอะไหล่” ที่วิ่งหาทางเข้าร่วมรัฐบาล ไม่ได้เป็นขั้วการเมืองสำคัญอีกต่อไป
⸻
เมื่อภูมิคุ้มกันทางความคิดพังทลาย — เงินซื้อเสียงได้ง่ายขึ้น
เทพไทวิเคราะห์ต่อไปว่า เมื่อประชาธิปัตย์อ่อนแรงลง อุดมการณ์ก็พลอยจางหาย และตามมาด้วยการที่ “เงินซื้อได้” ในภาคใต้ ซึ่งเคยมีภูมิต้านทานแข็งแกร่งมาก่อน
“การซื้อเสียงสำเร็จ เพราะภูมิคุ้มกันของประชาชนถูกทำลาย ตอนนี้นักการเมืองกับชาวบ้านไม่มีความผูกพันกันแล้ว ชาวบ้านเดือดร้อนเรื่องยางพารา ปาล์มราคาตก แต่ไม่มีนักการเมืองออกมาโวยแทน เพราะทุกอย่างกลายเป็นดีลกันตั้งแต่ตอนหาเสียง ใครจ่ายตังค์มาก่อน ก็รับไว้ก่อน”
⸻
“กระสุน” กับการเมืองแบบอีบิดดิ้ง
เมื่อถามถึงคำพูดของ ร.อ.ธรรมนัส ที่ว่า “จะใช้กระสุนหรือไม่ ขึ้นอยู่กับจับคนทำผิดได้ไหม” เทพไทสรุปสั้น ๆ แต่แทงใจดำ:
“มันคือหลักคิด ‘โกงไม่เป็นไร ถ้าแบ่งกันบ้าง’ เหมือนโจรปล้น ถ้าตำรวจจับไม่ได้ก็ไม่ผิด”
เขาเปรียบเปรยว่า สถานการณ์การเมืองตอนนี้ไม่ต่างจาก “การประมูลแบบอีบิดดิ้ง” ใครเสนอราคาซื้อเสียงสูงสุด ก็ได้เป็น ส.ส.
“กกต.ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะยุคนี้เขาไม่ซื้อเสียงแบบแจกโจ่งแจ้งแล้ว แต่เล่นผ่านไลน์กลุ่ม โอนพร้อมเพย์ หรือฝากอสม.ที่ดูแลสิบกว่าครัวเรือน ทำเครดิตเอาไว้จ่ายทีหลัง กกต.ต้องรู้เท่าทันแล้ว เพราะนี่ไม่ใช่ยุคคืนหมาหอนอีกต่อไป มันซื้อล่วงหน้าเกลี้ยงหมดแล้ว”
⸻
บทสรุปของเทพไท เสนพงศ์
“การเมืองภาคใต้วันนี้ไม่ใช่แค่เรื่องพรรคไหนชนะหรือแพ้ แต่คือการเปลี่ยนแปลงรากฐานทางความคิดของคนภาคใต้ ถ้าประชาธิปัตย์ยังไม่ฟื้น ‘อุดมการณ์’ กลับมา ต่อให้ลงพื้นที่ขนาดไหน ก็ไม่มีวันได้ใจประชาชนคืนมาอีก”