พรุ่งนี้ (30 เมษายน 2568) เวลา 13.00 น. ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดฟังคำสั่งคำร้องของ นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่ยื่นขอให้ศาลเปิดไต่สวนกรณีที่กรมราชทัณฑ์ “ส่ง” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกจากเรือนจำไปรักษาตัวในห้องวีไอพี โรงพยาบาลตำรวจ ตั้งแต่คืนวันที่ 22 สิงหาคม 2566 — โดยไม่ได้รับอนุญาตจากศาล
ไม่ใช่แค่คำร้องธรรมดา แต่คือการท้าทาย “ความเหลื่อมล้ำในกระบวนการยุติธรรม” ที่สังคมกำลังตั้งคำถาม
⸻
กฎหมายมีไว้ใช้กับทุกคน หรือเลือกใช้เฉพาะคนธรรมดา?
แม้นายชาญชัยจะ “ไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรง” ตามข้อกฎหมายปกติ แต่ในสังคมที่กำลังถกเถียงอย่างกว้างขวางเรื่อง “อภิสิทธิ์นักโทษวีไอพี” — ศาลฯ มีอำนาจใช้ดุลยพินิจรับเรื่องไต่สวนเอง เพื่อพิทักษ์ศรัทธาในกระบวนการยุติธรรม
ศาลอาจเลือกได้ 3 ทาง:
• (1) ปฏิเสธคำร้องอีกครั้ง อ้างว่าไม่ใช่อำนาจพิจารณา
• (2) รับไต่สวนเฉพาะบางประเด็น เพื่อชี้ว่ามีการละเมิดหรือไม่
• (3) เปิดไต่สวนเต็มรูปแบบ ว่าการปล่อยตัวออกไปรักษานั้น ชอบด้วยกฎหมายหรือขัดต่อคำพิพากษาที่ถึงที่สุดแล้วหรือไม่
⸻
ศรัทธาของสังคม…เดิมพันอยู่ตรงนี้
เพราะตั้งแต่ ป.ป.ช. และอัยการสูงสุด — ซึ่งควรใช้สิทธิร้องเอง — “นิ่งเฉย” ปล่อยให้ประชาชนต้องออกมาเคลื่อนไหวแทน บทบาทของศาลฯ จึงยิ่งมีความหมายมากกว่าทุกครั้ง
หากศาลยืนหยัดตามหลักนิติธรรม — นายทักษิณอาจหนีไม่พ้น ต้องกลับไปชดใช้โทษในเรือนจำจริง ๆ
แต่ถ้าศาลปิดประตูไต่สวนอีกครั้ง… นั่นไม่ใช่แค่ปิดประตูในคดีนี้ แต่คือการปิดประตูศรัทธาใน “ความเสมอภาค” ของกฎหมายไทย
⸻
30 เม.ย.นี้ ไม่ใช่แค่วันนัดฟังคำสั่ง
แต่คือวันที่ประชาชนทั้งประเทศ จะจับตาว่า
“ความยุติธรรม” ยังมีที่ยืนอยู่ในประเทศนี้หรือไม่