7 พฤษภาคม 2568 – พรรคประชาชนสมุทรปราการออกแถลงการณ์ขอโทษประชาชนอย่างเร่งด่วน หลังเกิดกรณี “แบงค์ ภาณุพงศ์” ผู้สมัคร สท. เมืองลัดหลวง” ถูกจับกุมในข้อหาร่วมกันค้ายาเสพติด พร้อมทั้งประกาศให้ผู้สมัครรายดังกล่าวยุติบทบาททางการเมือง และไม่ลงแข่งขันในการเลือกตั้งที่จะถึงนี้
หลายคนอาจมองว่านี่คือการแสดงความรับผิดชอบทางการเมืองอย่างทันท่วงที แต่ในอีกมุมหนึ่ง เสียงในสังคมกลับตั้งคำถามว่า—นี่คือจุดเปลี่ยนของพรรค หรือเป็นเพียงการจัดการความเสียหายหลังความผิดพลาดที่เกิดซ้ำซาก?
เพราะนี่ไม่ใช่ “เคสแรก” ที่ผู้แทนจากพรรคประชาชนมีพฤติกรรมที่ขัดต่อจริยธรรมและกฎหมาย หากแต่เป็นเพียงหนึ่งใน “ขบวนกรณีอื้อฉาว” ที่ทยอยเปิดหน้าให้เห็นมาตลอดตั้งแต่พรรคเข้าสู่สภา
⸻
เมื่อฉาวคือความถี่ ไม่ใช่ข้อยกเว้น
ย้อนหลังไปตั้งแต่ยังเป็นพรรคก้าวไกล พรรคการเมืองนี้ต้องเผชิญมรสุมต่อเนื่องจากพฤติกรรมส่วนบุคคลของ สส.
• ณธีภัสร์ กุลเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ถูกจับข้อหาเมาแล้วขับ และต้องลาออกจากตำแหน่ง
• สิริน สงวนสิน ส.ส.กทม. ตกเป็นข่าวทำร้ายแฟนสาว ก่อนจบด้วยคำขอโทษ และการให้อภัยถอนแจ้งความ
• นครชัย ขุนณรงค์ ส.ส.ระยอง เขต 3 ถูกเปิดเผยว่ามีประวัติคดีลักทรัพย์ จนต้องลาออกจากส.ส.
• ต้นกล้า จรยุทธ จตุรพรประสิทธิ์ ส.ส.กทม. ก่อเหตุทะเลาะวิวาทในพื้นที่สาธารณะ และภายหลังมีภาพสูบบุหรี่ไฟฟ้าที่รัฐสภา
• จิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ ส.ส.ฉะเชิงเทรา ถูกกล่าวหาว่าอาจหลีกเลี่ยงการเกณฑ์ทหาร
• วุฒิพงศ์ ทองเหล่า และ ปูอัด ไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ ซึ่งทั้งสองรายถูกกล่าวหาคุกคามทางเพศ—โดยพรรคมีท่าทีปกป้องในเบื้องต้น ก่อนจะขับออกภายหลังถูกกระแสสังคมโจมตีอย่างหนัก
⸻
“นิ่ง–ปกป้อง–ขอโทษ”…วัฏจักรของการจัดการแบบไร้โครงสร้าง
หากพิจารณาการตอบสนองของพรรคประชาชนในแต่ละกรณี จะพบ “รูปแบบซ้ำ” ที่สะท้อนว่า การจัดการปัญหายังขึ้นอยู่กับแรงกดดันจากภายนอก ไม่ใช่จากมาตรฐานภายในของพรรคเอง
ในกรณีล่าสุดของผู้สมัคร สท. ค้ายา แถลงการณ์ของพรรคออกเร็วจนหลายคนแปลกใจ แต่เมื่อมองย้อนกลับไปในกรณีวุฒิพงศ์–ปูอัด จะเห็นว่าพรรคเคยนิ่งเฉยและปกป้องก่อนจะ “ทานกระแสไม่ไหว” แล้วจึงเปลี่ยนท่าที
นี่สะท้อนว่า ความรับผิดชอบทางการเมืองในพรรคนี้อาจไม่ได้ตั้งอยู่บนหลักจริยธรรม แต่ตั้งอยู่บนแรงสะเทือนจากสังคม
⸻
“คนพวกนี้เข้ามาได้อย่างไร?” คำถามที่พรรคประชาชนต้องตอบให้ได้
คำถามสำคัญที่พรรคประชาชนต้องเผชิญคือ—เหตุใดบุคคลที่มีพฤติกรรมหรือประวัติไม่เหมาะสมเหล่านี้ จึงสามารถเข้ามาเป็นตัวแทนพรรคส่งให้ไปเป็นตัวแทนประชาชนได้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า?
หากอ้างว่า “พฤติกรรมส่วนบุคคลแยกจากพรรค” หรือ “ไม่มีใครรู้ล่วงหน้า” คงฟังไม่ขึ้นอีกต่อไป เพราะนี่ไม่ใช่ความผิดพลาดรายบุคคล แต่คือปัญหาเชิงระบบของการกลั่นกรอง คัดเลือก และรับรองตัวแทนของพรรค
⸻
เกมเร็วไม่อาจลบภาพลักษณ์ด่างพร้อย หากไม่ยกเครื่องทั้งระบบ
แม้แถลงการณ์ล่าสุดจะรวดเร็วและดูมีความรับผิดชอบ แต่ก็ไม่อาจลบภาพจำของ “พรรคที่มีข่าวฉาวต่อเนื่อง“ ได้
ตราบใดที่พรรคยังไม่มี ระบบคัดกรองที่เข้มงวด–โปร่งใส–ยึดหลักจริยธรรม และยังคงรับสมัครคนเพียงเพราะ “เสียงดังในพื้นที่” หรือ “สร้างกระแสได้” โดยไม่ดูคุณภาพ–คุณธรรม–อดีต ที่ควรถูกตรวจสอบให้ถี่ถ้วน
ไม่ว่าจะออกแถลงการณ์เร็วแค่ไหน…ก็เป็นได้แค่การล้างแผลบนผิว ไม่ใช่การรักษาโรคที่ฝังรากลึกในโครงสร้างของพรรค
ถึงเวลาของการ “ยกเครื่อง” พรรค ไม่ใช่แค่ “แก้ภาพ” เท่านั้น