เมื่อจีนเสียภาษีน้อยกว่าไทย: สัญญาณอันตรายจากสงครามภาษีที่ไทยไม่ได้รบ…แต่กำลังจะพ่าย ในวันที่โลกเจรจคู่ปรับโดยตรง แต่วันนี้กำลังจะ “เสียภาษีน้อยกว่าไทย” ในตลาดสหรัฐฯ
🔻 พักศึกชั่วคราว…แต่เปลี่ยนเกมทั้งกระดาน
การประกาศข้อตกลงพักเก็บภาษีศุลกากรระหว่างสหรัฐอเมริกา–จีนเป็นเวลา 90 วัน อาจดูเหมือนข่าวดีในระดับโลก แต่สำหรับไทย…นี่คือสัญญาณอันตรายทางการแข่งขันที่กำลังไล่ประชิด
▪️ จีนลดภาษีศุลกากรสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ จาก 125% เหลือ 10%
▪️ สหรัฐฯ ลดภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน จาก 145% เหลือ 30%
ฟังเผิน ๆ เหมือนเป็นการผ่อนคลาย แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ:
“จีน” กลายเป็นประเทศที่เสียภาษีน้อยกว่า “ไทย” ในตลาดสหรัฐฯ ทันที
ไทยยังโดนภาษี 36% ขณะจีนเหลือแค่ 30%
ข้อมูลล่าสุดระบุว่า
สหรัฐฯ ยังกำหนดอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากไทยอยู่ที่ 36% แม้ยังไม่ได้เรียกเก็บจริงเพราะมีการขยายเวลา 90 วัน แต่เส้นตายก็ใกล้เข้ามาทุกขณะ โดยยังไม่เห็นรัฐบาลจะขยับอะไรที่จะพลิกเกมนี้
ตัวเลขภาษีที่กดหัวเราอยู่ 36 %
สูงกว่าจีน (30%) และสิงคโปร์ (10%) อย่างชัดเจน
ไม่เพียงเท่านั้น เมื่อดูตัวเลขภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯ ต่อประเทศในอาเซียนจะพบว่าไทยกำลังอยู่กลางตาราง
สิงคโปร์ 10% ,ฟิลิปปินส์ 17%,มาเลเซีย 24%,อินโดนีเซีย 32%,ไทย 36%,เมียนมา 44%,เวียดนาม 46%,ลาว 48% และกัมพูชา 49%
ซึ่งหมายความว่าสินค้าไทยบางประเภทอาจมีต้นทุนที่สูงกว่าสินค้าจากจีนและเพื่อนบ้านในตลาดสหรัฐฯแม้คุณภาพจะเทียบเท่าหรือดีกว่าก็ตาม
แม้ไทยยังมีเวลาหายใจจากที่สหรัญฯ ขยายเวลาไว้ แต่เด๊ดไลน์ 8 ก.ค.ก็ใกลเข้ามาทุกขณะ
นักวิชาการ TDRI เตือน: อย่ามองว่าไม่เกี่ยวกับไทย
ดร.นณริฏ พิศลยบุตร จาก TDRI วิเคราะห์ว่า
▪️ การพักศึกภาษี 90 วัน เป็นกลยุทธ์ของสหรัฐฯ ที่ต้องการกดดันประเทศคู่ค้าให้เข้าสู่โต๊ะเจรจา
▪️ การที่จีนยอมลงนามก่อน เป็นเพราะต้องการลดแรงเสียดทานจากมาตรการภาษีที่สะสมมาตลอดรัฐบาลทรัมป์
สิ่งที่ไทยควรทำ…กลับไม่มีความเคลื่อนไหวชัดเจน
แม้จะมีความพยายามจากเอกชนบางส่วนในการเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งเจรจา
แต่ในภาพรวม ไทยยัง “เงียบ” และ “ไม่มีท่าทีตอบรับ” ที่แสดงความพร้อมจะต่อรองใด ๆ กับสหรัฐฯ
ความเสี่ยงคือ…ไทยกำลังจะหลุดโฟกัสจากสายตาของนักลงทุน
นักลงทุนเริ่มชะลอ ไทยกลายเป็นตัวเลือกสำรอง
ในโลกของการค้าระหว่างประเทศ การที่ “ภาษีต่ำ” ย่อมหมายถึงต้นทุนที่ต่ำลงและความน่าดึงดูดในการลงทุนที่สูงขึ้น
ถ้าสหรัฐฯ ให้สิทธิพิเศษจีนมากกว่าไทย
นักลงทุนที่เคยพิจารณาว่าจะตั้งฐานการผลิตในไทย…อาจเลือกประเทศอื่นแทน
โดยเฉพาะเวียดนาม–มาเลเซีย–อินโดนีเซีย ที่เริ่มเข้าเจรจาหรือมีความชัดเจนทางการค้ากับสหรัฐฯ มากกว่าไทยแม้เวียดนามจะมีอัตราภาษีสูงกว่าเรา แต่ต้องไม่ลืมว่าต้นทุนเขาต่ำกว่า เมื่อเฉลี่ยทั้งต้นทุนและภาษีเขายังมีศักยภาพที่สูงกว่าไทยอยู่ดี
ทางรอดไทย: เร่งเจรจา อย่ารอจนเสียที่ยืน
ถ้ารัฐบาลยังมองว่านี่ไม่ใช่วิกฤต
หรือคิดว่า “เจรจายังไม่จำเป็น”
เราอาจต้องจ่ายราคาด้วยการหลุดจากห่วงโซ่อุปทานโลกแบบที่เราไม่รู้ตัว
ไทยไม่ใช่คู่กรณีสงครามภาษี
แต่ถ้ายังไม่ลุกขึ้นมาเจรจา…เราอาจเป็น “ผู้แพ้โดยไม่ทันได้รบ”
ละไม่ต้องรอให้ “ทักษิณ” บินนอกไปเจรจาให้ เพราะโอกาสที่ศาลอาญาจะอนุญาตแทบไม่เหลือแล้ว
อย่าเอาการเมือง ประโยชน์เฉพาะตัวทักษิณ มามัดรวมกับประโยชน์ชาติ
ที่สำคัญถ้าเอาเรื่องศาลไม่อนุญาตมาอ้าง ทำให้ไทยเสียประโยชน์จากบารมีทักษิณในระดับนานาชาติ นั่นจะยิ่งประจานตัวเองล่อนจ้อนว่า “รัฐบาลลูกสาว แพทองธาร” ไร้ซึ่งความสามารถในการบริหารประเทศ
ในสงครามการค้า ไม่มีพื้นที่สำหรับคนที่ เฉื่อย
และถ้าไทยยังไม่ยื่นมือเข้าหาโต๊ะเจรจา
ต่อให้เราไม่ได้รบ…เราก็อาจตายจากเกมนี้ได้เหมือนกัน