ในวันที่ น.ส.กฤษฎิ์ ชีวะธรรมานนท์ ส.ส.ชลบุรี เขต 6 แถลงข่าวยุติบทบาทกับพรรคประชาชน พร้อมทั้งขอย้ายไปอยู่พรรคกล้าธรรมของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า
เธอบอกกับสื่อว่าไม่ได้รับความยุติธรรม ถูกกันออกจากกลุ่ม ถูกบูลลี่อย่างเงียบ ๆ ถูกพูดจาลับหลังให้เสื่อมเสีย และแม้กระทั่ง “ถูกล่อให้วางตัวผิด” จนกลายเป็นคนที่เด็กในพรรคไม่กล้าเข้าใกล้
เธอยืนยันว่า “ไม่ได้ขายตัวทางการเมือง” และหมดใจที่จะอยู่ในพรรคเดิม
เธอไม่ได้ต้องการสร้างเรื่องใหญ่ แค่อยากไปให้พ้น แต่ก็ไม่อยาก “ถูกเรียกว่างูเห่า”
คำคำนี้…อาจไม่ใช่คำที่เธอกลัว แต่เป็นคำที่สะท้อนกับบางอย่างที่เธอเคยหยามหยันมาก่อน
⸻
เพราะคำว่า “งูเห่า” ไม่ได้มาจากปากสื่อ — แต่มาจากเวทีที่เธอเคยยืน
ในการเลือกตั้ง 2566 “งูเห่า” เป็นคำสาปทางการเมืองที่ถูกพูดบ่อยที่สุดในบางพื้นที่
โดยเฉพาะในเขต 6 ชลบุรี — เขตเดียวกับ น.ส.กฤษฎิ์
ที่เคยมีอดีต ส.ส. จากพรรคเดิมย้ายข้างจนถูกประชาชนวิจารณ์หนัก
ตอนหาเสียง เธอถูกถามตรง ๆ ว่า “จะย้ายพรรคไหม”
เธอตอบชัดว่า “ไม่ย้าย”
และยืนยันว่าเธอจะอยู่กับพรรคประชาชนด้วยอุดมการณ์
มากไปกว่านั้น… พิธา ลิ้มเจริญรัตน์
เคยขึ้นเวทีในพื้นที่นั้นและพูดถึง “งูเห่า” พร้อมสัญลักษณ์ว่า
“เราจะจับงูเห่าผัดเผ็ด”
และเธอเองก็ยืนอยู่บนเวทีเดียวกัน
⸻
วันนี้ เธอกลายเป็นเป้าหมายของคำที่เธอเคยปรบมือให้
ความย้อนแยงนี้อาจไม่เจ็บปวดเท่าคำด่าในสภา
แต่มันเจ็บลึกกว่า…เพราะมันคือคำที่เธอเคยเหยียดหยามในอดีต
เธอจึงเลือกทาง “ขอให้พรรคขับออก” แทนการลาออกเอง
เพราะถ้าเธอลาออกจากพรรค จะพ้นสภาพ ส.ส. ทันทีตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101(3)
แต่ถ้าพรรคเป็นคนขับออก — เธอยังสามารถรักษาเก้าอี้ไว้และย้ายพรรคได้ทันที
⸻
แต่พรรคประชาชนกลับเลือก “ดองงูเห่า” แทน
พรรคประชาชนไม่ขับ ไม่ตอบรับ
แต่เลือกจะ “ตีความ” ว่าหนังสือยุติบทบาทของเธอไม่ใช่การลาออกจากพรรค
จากนั้นจะไม่ดำเนินการขับออก แต่จะใช้กลไกของพรรค “ดอง” ไว้แทน
ตัดโอกาสพูดในนามพรรค
และส่ง ส.ส. คนอื่นไปทำงานแทนในพื้นที่ของเธอ
ยุทธการนี้ไม่ใช่การลงโทษโดยตรง แต่คือการ “แช่แข็ง–ตัดออกจากวงจร”
โดยที่เธอยังต้องอยู่ในพรรคที่ไม่เหลือพื้นที่ให้พูด ไม่เหลือเวทีให้ยืน
แต่ยังไม่พ้นจากตำแหน่ง — เพราะเธอไม่ได้ลาออก
และพรรคก็ไม่ขับ
⸻
คำถามคือ: เธอจะทนได้ไหม? หรือจะเลือกกลืนคำเดิมที่เคยพูด
มีคนบอกว่า ถ้าเธอไม่แคร์คำว่างูเห่า
เธอก็อยู่ในพรรคต่อแล้วโหวตสวนไปเรื่อย ๆ
แต่ในทางการเมือง — เรารู้กันดีว่า ส.ส. ที่ “ทรยศพรรคเดิม” และ “อยู่ให้โดนด่า”
มักจะไม่เคยได้กลับเข้าสภาอีก
ไม่ใช่เพราะพรรคใหม่ไม่ส่ง
แต่เพราะประชาชนไม่เลือก
⸻
สุดท้ายแล้ว สิ่งที่หลอกหลอนเธอไม่ใช่คำว่า “งูเห่า”
แต่คือ “คำพูดของตัวเองในอดีต ที่วันนี้กลับย้อนศรใส่เธอทุกมุม”
เธออาจรอดจากพรรค
แต่อาจไม่รอดจากประชาชน
และด่านแรกก่อนไปถึงคูหาเลือกตั้ง
คือจดหมายขอให้พรรคขับออก
ที่กำลังถูกตีความว่า เป็นจดหมายลาออกหรือไม่
ถ้าใช่ก็จะทำให้พ้นสภาพความเป็นสส.ทันที
หรือว่าเธอจะเกยน้ำตื้นตายเร็วกว่าที่คิด?
⸻