นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ แพทย์จุฬารุ่น 37 และอดีตพี่รหัสของ พล.ต.ท.นพ.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ โพสต์แสดงความเห็นต่อกรณีที่ นพ.ทวีศิลป์ ส่งทนายความยื่นคำร้องขอความเป็นธรรมถึงนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะสภานายกพิเศษแพทยสภา เพื่อขอให้พิจารณาคัดค้านมติแพทยสภาที่สั่งพักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรมของตน จากกรณีออกใบรับรองแพทย์ให้กับนายทักษิณ ชินวัตร โดยไม่มีหลักฐานชี้ชัดถึงภาวะป่วยวิกฤต
“รู้ว่าคนที่รู้ตัวว่าถูกสั่งลงโทษน่ะ เดือดเนื้อร้อนใจขนาดไหน แต่ว่าทำผิดขั้นตอนไปหน่อยนะ” นพ.ตุลย์ระบุ พร้อมชี้ว่าตามพระราชบัญญัติวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ. 2525 การร้องเรียนต่อศาลปกครองต้องเกิดหลังจากที่สภานายกพิเศษฯ มีความเห็นแล้วเท่านั้น ไม่ใช่ร้องขอความเป็นธรรมในระหว่างที่การพิจารณายังไม่เสร็จสิ้น
พร้อมกันนี้ นพ.ตุลย์ ยังตั้งข้อสังเกตว่า สิ่งที่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน กำลังดำเนินการ อาจเป็นความพยายาม “สร้างเหตุให้มีข้ออ้าง” สำหรับการวีโต้มติแพทยสภา โดยเปรียบเทียบว่า “ไม่ต่างอะไรกับอัยการเนตร นาคสุข ที่ต้องให้ตำรวจลดความเร็วให้ก่อน เพื่อเป็นข้ออ้างสั่งไม่ฟ้องกรณีบอส อยู่วิทยา” และย้ำชัดว่า “ความพยายามในการวีโต้มติแพทยสภาน่ะ ไม่สำเร็จหรอก”
“แพทยสภามีศักดิ์ศรีและจะปกป้องวิชาชีพแพทย์ ไม่ให้ผู้ใดเอาไปใช้ช่วยให้คนผิดพ้นคุก ในทางตรงข้าม แพทย์ที่ทำทุจริตและผู้สนับสนุนจะต้องเข้าคุกนำหน้าทักษิณ” นพ.ตุลย์เขียนในโพสต์
สำหรับขั้นตอนการสอบสวนจริยธรรมแพทย์ นพ.ตุลย์อธิบายว่า แพทย์มีหน้าที่ตรวจ รักษา วินิจฉัย และบันทึกเวชระเบียน รวมถึงออกใบรับรองแพทย์ตามมาตรฐานวิชาชีพ หากมีความผิดพลาด ตกหล่น หรือเจตนาบิดเบือนข้อมูล เช่น ระบุว่าผู้ป่วยป่วยหนัก ทั้งที่ไม่เป็นความจริง ก็ถือว่าผิดจริยธรรม และสามารถถูกลงโทษได้ตามกฎหมาย โดยแพทยสภาใช้อำนาจบนพื้นฐานของพยานหลักฐาน ไม่ได้ตัดสินตามอำเภอใจ
ท้ายที่สุด นพ.ตุลย์ยังตั้งคำถามกรณี นพ.ทวีศิลป์ อ้างว่ามีหลักฐานใหม่ว่า เหตุใดจึงไม่ยื่นเอกสารดังกล่าวให้อนุกรรมการสอบสวนของแพทยสภาตั้งแต่ต้น เพราะเมื่อกรรมการใหญ่ลงมติไปแล้ว การยื่นเอกสารเพิ่มเติมควรทำในขั้นตอนการอุทธรณ์ต่อศาลปกครอง ไม่ใช่แทรกแซงผ่านรัฐมนตรีในกระบวนการระหว่างทาง
“สมศักดิ์ฟังไว้นะ… เรื่องนี้ต้องทำตามกฎหมาย อะไรไม่ถูกต้อง ไม่ควรทำเด็ดขาด” นพ.ตุลย์ทิ้งท้าย