การเมืองไทยร้อนระอุ หลัง “ภูมิใจไทย” หักหลัง “เพื่อไทย” กลางสภา ขวางการส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความเงื่อนไขทำประชามติ ด้านนักวิชาการชี้เกมนี้อาจนำไปสู่การปรับครม. หรือกระทั่งยุบสภา!
ศึกในสภาระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลปะทุเดือด หลังพรรคภูมิใจไทยตัดสินใจขวางพรรคเพื่อไทยในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จุดชนวนข้อครหาว่าความสัมพันธ์ของสองพรรคกำลังแตกร้าว หรือแท้จริงแล้วเป็นเพียงเกมอำนาจ?
รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต ผู้เชี่ยวชาญด้านรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ จากนิด้า ให้สัมภาษณ์ในรายการ “เที่ยงเปรี้ยงปร้าง” โดย สมจิตต์ นวเครือสุนทร ชี้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างสองพรรคการเมืองใหญ่นี้เต็มไปด้วยความเปราะบาง และอาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งใหญ่
“มีโอกาสสูงที่เพื่อไทยจะปรับครม.เชิงกลยุทธ์หลังศึกซักฟอก และอาจถึงขั้นยุบสภาเร็วสุดภายในปีนี้ ช้าที่สุดปีหน้า วิธีการกำจัดภูมิใจไทยคือการเจรจาสลับกระทรวง ถ้าตกลงไม่ได้ก็อาจถูกปรับออกไปเลย รัฐบาลอาจเสียงปริ่มน้ำ แต่หลังศึกซักฟอก ความสำคัญของเสียงเหล่านี้จะลดลง เพราะปีนี้จะไม่มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจอีก”
“ศึกนี้ไม่จบแค่ในสภา”: จากสนามการเมืองสู่สนามกอล์ฟ สปก.
ไม่ใช่แค่การแก้รัฐธรรมนูญที่ภูมิใจไทยเล่นเกมขวางเพื่อไทย แต่มูลเหตุอาจโยงไปถึงการตรวจสอบ ที่ดินสนามกอล์ฟของครอบครัว “อนุทิน ชาญวีรกูล” ซึ่งเป็นประเด็นที่กำลังถูกขยายผล ภูมิใจไทยเองก็ขวางนโยบายเพื่อไทยหลายเรื่อง เช่น กฎหมายกัญชาเสรี ขณะที่เพื่อไทยก็มีแนวโน้มทำลายนโยบายของภูมิใจไทยเช่นกัน
“หากมองจากคำสัมภาษณ์ของนายอนุทินที่ใช้ถ้อยคำรุนแรง สะท้อนความหงุดหงิดจากการถูกตรวจสอบในเรื่องอ่อนไหวของครอบครัว เป็นไปได้ว่านี่คือเกมกดดันให้ภูมิใจไทยยอมทำตามที่เพื่อไทยต้องการ”
เป้าหมายใหญ่: เพื่อไทยต้องการกระทรวงมหาดไทย-พลังงานคืน
รศ.ดร.พิชาย วิเคราะห์ว่า “เพื่อไทย” ต้องการรวบอำนาจในกระทรวงหลักกลับมา ก่อนศึกเลือกตั้งครั้งหน้า โดยเฉพาะกระทรวงมหาดไทยที่อยู่ในมือของภูมิใจไทย และกระทรวงพลังงานที่อาจใช้เจรจากับรวมไทยสร้างชาติ
“การเลือกตั้งครั้งหน้าจะดุเดือดโดยเฉพาะในภาคอีสาน ซึ่งภูมิใจไทยเป็นคู่แข่งสำคัญของเพื่อไทย ทั้งหมดนี้จึงเป็นเกมวางแผนเพื่อความได้เปรียบในสนามเลือกตั้ง”
การเมืองติดล็อก – ประชาชนแพ้ทั้งกระดาน
นอกจากนี้ การแก้รัฐธรรมนูญที่ยังค้างเติ่งอยู่ก็ดูเหมือนจะไม่มีทางออก พรรคเพื่อไทยพยายามเสนอให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความ แต่ถ้าภูมิใจไทยและพรรคประชาชนปฏิเสธ ผลลัพธ์ก็จะวนลูปกลับไปที่เดิม
“แต่สุดท้ายไม่มีใครชนะ ประชาชนต่างหากที่แพ้ เพราะพวกเขาจะเบื่อหน่ายกับเกมของนักการเมือง การเมืองไทยตอนนี้เต็มไปด้วยความกลัว ความสับสน และการเล่นอำนาจเกินขอบเขต สุดท้ายอาจเปิดช่องให้อำนาจอื่นเข้ามาแทรกแซง”
คลิปฉาว 2 ประธาน: ใครจะรอด?
อีกประเด็นที่น่าจับตาคือ กรณีคลิปหลุดการสนทนาของ “นายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข” ประธาน ป.ป.ช. และ “นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา” ประธานรัฐสภา ที่เกี่ยวข้องกับการร้องเรียนของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล (บิ๊กโจ๊ก) ซึ่งหลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่า อาจนำไปสู่การตรวจสอบจริยธรรม
“หากทั้งสองคนนี้ถูกผลักออกจากตำแหน่ง ผู้ที่ได้ประโยชน์ที่สุดมีสองกลุ่มคือ บิ๊กโจ๊ก ที่มีเรื่องค้างอยู่ใน ป.ป.ช. และ เพื่อไทย ที่อาจเข้าควบคุมตำแหน่งสำคัญเพิ่มขึ้น”
การเมืองไทยเดือด – ศึกนี้ยังไม่จบ
ความขัดแย้งในพรรคร่วมรัฐบาลครั้งนี้ อาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นการปรับครม. การยุบสภา หรือการเปลี่ยนแปลงเชิงอำนาจในระดับสูงสุด
สิ่งที่ต้องจับตาต่อไปคือ เกมต่อรองของแต่ละพรรคจะเดินไปทางไหน และท้ายที่สุด จะเป็นแค่ “เกมการเมือง” หรือจะถึงจุดแตกหักจริง?