“อย่าให้เรื่องผ่านไป…ปล่อยแบบนี้ไม่ได้” เป็นเสียงยืนยันของ ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อดีตนายกสภาวิศวกร และอดีตนายกวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยฯ (วสท.) กล่าวไว้ในรายการ “เที่ยงเปรี้ยงปร้าง” ดำเนินรายการโดย สมจิตต์ นวเครือสุนทร
เขาไม่ได้มาพูดเรื่องคานถล่มที่พระราม 2 ครั้งนี้เป็นครั้งแรก…และแน่นอนว่า มันจะไม่ใช่ครั้งสุดท้าย
“คนตายแล้ว…เรื่องเงียบ” – วงจรอุบัติภัยไทยที่ไม่มีใครรับผิด
“เราพูดกันมาตลอดว่า ต้องถอดบทเรียน แต่ถามหน่อย…บทเรียนอยู่ไหน? ใครเคยสรุป? ใครเคยรับผิดชอบ? ทุกครั้งที่มีอุบัติเหตุ ภาครัฐเชิญสภาวิศวกรไปดู แต่ไม่มีแม้แต่ ‘รายงาน’ สักแผ่นเดียวกลับมา ประเทศไทยแปลกมาก…พอมีคานถล่ม หน่วยงานที่เป็นเจ้าของโครงการเป็นคนสืบสวนตัวเอง ไม่มีที่ไหนในโลกเขาทำกัน! เราไม่มีคนกลางในการตรวจสอบ ทุกอย่างผิดตั้งแต่ต้น คนผิดก็เลยไม่เคยรับผิด แล้วมันจะเข็ดหลาบได้ยังไง?” ศ.ดร.สุชัชวีร์ ชี้ให้เห็นถึงปัญหาออกมาแบบเป็นชุด พร้อมระบุว่า เขาเสนอมาแล้วหลายครั้งให้รัฐบาลถอดบทเรียนอย่างจริงจัง สุดท้ายมีแต่คำพูดแต่การถอดบทเรียนไม่เคยเกิดขึ้นจริง ทำให้คับแค้นใจกับปัญหาที่เกิดขึ้น
“คานถล่ม ไม่ใช่เรื่องฟ้าฝ่าหรือภัยธรรมชาติ – มันคือความประมาทที่ฆ่าคน”
เมื่อถามถึงคำชี้แจงของ รมว.คมนาคม ที่ระบุว่า “ผู้เสียชีวิตเป็นเพียงคนงาน ไม่มีประชาชนได้รับผลกระทบ เพราะมีการปิดเส้นทางแล้ว”
ศ.ดร.สุชัชวีร์ ถึงกับถอนหายใจ ก่อนจะกล่าวว่า “ทุกชีวิตมีค่า อย่าคิดว่าเพราะเป็นคนงานแล้วจะไม่สำคัญ มันสะท้อนถึงความไม่ปลอดภัย อย่าลืมว่ามันอยู่ใกล้ตัวเราเข้ามาทุกวัน ๆ ไม่ว่าจะเป็นคนงาน ผู้มีรายได้น้อยหรือจะเป็นใครก็ตาม ถือเป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้น การก่อสร้างไม่ควรมีอุบัติเหตุแบบนี้ เพราะไม่ใช่เรื่องที่ไม่เคยทำมาก่อน มันควรที่จะปลอดภัย 100 %“
“ไม่มีใครเข็ด เพราะไม่มีใครต้องรับผิด”
เขาอธิบายว่า สาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุซ้ำซากแบบนี้ ไม่ใช่แค่เรื่องเทคนิค แต่มันคือเรื่องของ ‘ความไม่รับผิดชอบ’ “ทุกครั้งที่เกิดเหตุ เราจะพูดว่า ‘ต้องสืบสวน’ แต่สุดท้ายอะไรเกิดขึ้น? คนผิดไม่มี คนรับผิดชอบไม่มี เรื่องก็เงียบ ในต่างประเทศ ถ้ามีโครงสร้างถล่ม ผู้รับเหมา วิศวกร ผู้ออกแบบ และผู้ควบคุมงาน อาจถึงขั้นถูกฟ้องล้มละลาย แต่ว่าในประเทศไทย เราไม่เคยเห็นกระบวนการเหล่านี้ มันผิดตั้งแต่กระดุมเม็ดแรกกลัดผิดให้คนทำผิด มาสืบสวนตัวเอง! ไม่มีที่ไหนในโลกทำแบบนี้”
“พอได้เวลาจะแก้ปัญหา เรากลับได้แค่ ‘สมุดพก’ ผู้รับเหมา”
เมื่อถามถึงมาตรการของ รมว.คมนาคม ที่เสนอให้ใช้ “สมุดพกผู้รับเหมา” เพื่อจัดลำดับคะแนนความน่าเชื่อถือในการก่อสร้าง ศ.ดร.สุชัชวีร์ หัวเราะเบาๆ ก่อนจะตอบ “ถ้าคะแนนตก แล้วกลับมาใหม่ได้ มันจะแก้ปัญหาอะไร? สมุดพกผู้รับเหมาเป็นแค่ปลายทาง”
เขาย้ำว่า “ในต่างประเทศ ถ้าเกิดเหตุแบบนี้ มีการฟ้องร้อง คนทำผิดถึงขั้นล้มละลาย เขาถึงได้รอบคอบ แต่มาตรการของไทยยังเป็นแค่ ‘ตักเตือน’ หรือ ‘หักคะแนน’ ซึ่งมันไม่เพียงพอ”
“สมุดพกให้ผู้รับเหมา แล้วสมุดพกของรัฐมนตรีอยู่ไหน?”
(หัวเราะ) “อันนี้ผมไม่กล้าวิจารณ์”
“กฎหมายเพื่อความปลอดภัยสาธารณะ – ทางออกที่ไม่มีใครสนใจ?”
“เราเสนอ กฎหมายความปลอดภัยสาธารณะ ฉบับประชาชน เพื่อให้เกิด ‘หน่วยงานกลาง’ ในการตรวจสอบทุกเหตุภัยพิบัติ” ซึ่งจะทำให้มีเจ้าภาพในการรับร้องเรียน ติดตามผล แก้ปัญหา ตรวจสอบอุบัติภัยแทนหน่วยงานที่เกิดเหตุ เพื่อลดปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อน ทำหน้าที่เหมือน “นิติเวชของวงการวิศวกรรม” ที่ช่วยตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ตำรวจและอัยการดำเนินคดี
“แต่ปัญหาคือ…ประชาชนยังไม่สนใจจะเซ็นชื่อสนับสนุน ตอนนี้เราต้องการ 10,000 รายชื่อ แต่มียอดแค่ 3,000 ชื่อ มันคือกฎหมายของประชาชน เพื่อประชาชน แต่ประชาชนต้องช่วยกัน ไม่เช่นนั้นเราจะต้องเห็นคานถล่มแบบนี้อีก จึงขอเชิญชวนประชาชนร่วมลงชื่อสนับสนุนกฎหมายความปลอดภัยสาธารณะได้ที่ thaipublicsafety.org”
“เราจะปล่อยให้ถนนทุกสายกลายเป็นพระราม 2 อีกกี่ครั้ง?”
ศ.ดร.สุชัชวีร์ ยังกล่าวถึงกรณีที่นายกฯ ประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหารือเรื่องนี้ว่า พอจะมองเห็นบทสรุปได้ว่า สุดท้ายก็เหมือนเดิม เพราะมันผิดตั้งแต่ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบการก่อสร้างตรวจสอบตัวเอง อย่างไรก็ตามหากนายกฯ จะเอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้ก็ควรตั้งรองนายกฯ หนึ่งคนไปดูแลเรื่องนี้โดยตรง ติดตามทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด ให้มีการถอดบทเรียนนำไปสู่การฟ้องร้องให้ได้ ไม่ใช่ทำแบบลูบหน้าปะจมูก ทำเอง เออเอง มันทำไม่ได้หรอก
“อย่าคิดว่ามันไกลตัว ถ้าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นตอนเช้าวันจันทร์ ผมไม่อยากจินตนาการว่าความสูญเสียจะมากมายแค่ไหน”
พระราม 2 ไม่ใช่ครั้งแรก และจะไม่ใช่ครั้งสุดท้าย เพราะประเทศไทยยังไม่เคยถอดบทเรียนจริงจัง
นี่ไม่ใช่แค่เรื่องของวิศวกร แต่มันคือเรื่องของทุกคนที่เดินทางบนถนนเมืองไทย สนับสนุนกฎหมายความปลอดภัยสาธารณะได้ที่ thaipublicsafety.org