ศึกคัดค้านยังไม่จบ เมื่อกลุ่มทรูยื่นจดหมายคัดค้าน “หมอประวิทย์” อีกคน กล่าวหาว่าไม่เป็นกลางเรื่องควบรวม หลังเดินหน้าบี้ “พิรงรอง” ต่อเนื่อง
วันนี้ (15 พ.ย.68)คณะอนุกรรมการที่ปรึกษาด้านกฎหมายของ กสทช. ซึ่งมี ศาสตราจารย์พิเศษ จรัญ ภักดีธนากุล เป็นประธาน จะประชุม เพื่อหาข้อสรุปว่าศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.พิรงรอง รามสูต กรรมการ กสทช. ด้านกิจการโทรทัศน์ ควรถูกกันไม่ให้ร่วมพิจารณาวาระที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มทรูตามที่มีการร้องคัดค้านหรือไม่
ขณะเดียวกัน บรรยากาศทวีความร้อนแรงยิ่งขึ้น เมื่อ นพ.ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา (หมอลี่) ประธานอนุกรรมการติดตามและประเมินผลการรวมธุรกิจ ระหว่างบริษัท ทรู คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) และบริษัท โทเทิ่ล แอ็ตเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) ก็ถูกทรูเดินเกมร้องคัดค้านอีกคน
คำถามใหญ่จึงไม่ใช่แค่ว่า ใครอยู่—ใครไป
แต่คือ ใครกำลังเล่นหมากล้อมเสียงในบอร์ด?
และเพื่ออะไร?
——-
เริ่มจากไล่บี้ พิรงรอง—ปธ.กสทช. เปิดเกมแทนทรู?
ก่อนหน้านี้ บริษัททรู ดิจิทัล กรุ๊ป ได้ฟ้องพิรงรองต่อศาลอาญาคดีทุจริตฯ
จากกรณีที่ สำนักงาน กสทช. มีหนังสือแจ้งเตือนผู้ประกอบการ 127 ราย ว่าทรูไอดียังไม่ใช่ผู้รับใบอนุญาตตามกฎหมาย ต่อมาศาลฯ มีคำพิพากษาลงโทษจำคุกพิรงรอง 2 ปีโดยไม่รอลงอาญา ซึ่งคดียังอยู่ในขั้นอุทธรณ์
แม้บริษัททรูฯ จะยังไม่ได้ยื่นคำร้องหลังคำพิพากษาทันที แต่ในการประชุมบอร์ด กสทช. ศ.คลินิก นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธานบอร์ดฯ จะทักท้วงแทบทุกครั้งที่มีวาระทรูว่า พิรงรองไม่ควรร่วมประชุม ก่อนที่ทรูจะส่งหนังสือคัดค้านอย่างเป็นทางการถึงประธานบอร์ดฯ ในวันที่ 29 เมษายน หลังจากมีคำพิพากษาไปแล้วหลายเดือน นำไปสู่การส่งเรื่องให้ คณะอนุกรรมการที่ปรึกษาด้านกฎหมาย เป็นผู้ชี้แนะ แต่ก็ถูกตีกลับว่าไม่ได้ทำตามขั้นตอนเพราะไม่ผ่านการพิจารณาของบอร์ดก่อน
———
เป็นคู่กรณีบริษัทเดียว แต่ร้องเหมาทั้งเครือ สกัดพิรงรอง
อย่างไรก็ตามในที่ประชุมครั้งนั้น ที่ประชุมอนุฯ ส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่าทรูต้องร้องคัดค้านพิรงรองเป็นรายกรณี ไม่ใช่เหมารวม และบริษัทที่จะร้องคัดค้านต้องเป็นคู่กรณี คือบริษัททรู ดิจิทัล ไม่ใช่บริษัทกลุ่มทรู เพราะเป็นคนละนิติบุคคล ไม่แตกต่างจากการประชุมบอร์ดกสทช.ก่อนหน้านี้
ประเด็นที่น่าจับตาคือการขับเคลื่อนของประธานบอร์ด กสทช. ที่มีลักษณะดำเนินการอย่างเป็นระบบในที่ประชุมบอร์ด ให้บอร์ดเสียงข้างน้อยเสนอให้วินิจฉัยตามพระบวนการของพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ.2539 ซึ่งจะทำให้พิรงรองไม่สามารถอยู่ร่วมประชุม เพื่อเปิดให้ที่ประชุมพิจารณาสภาวะความไม่เป็นกลางอย่างร้ายแรงหรือไม่ โดยให้กรรมการที่เหลือในที่ประชุมลงมติลับ ซึ่งต้องใช้เสียงถึงสองในสามเพื่อชี้ว่าไม่มีสภาพความเป็นกลางร้ายแรง พิรงรองจึงสามารถกลับเข้ามาทำหน้าที่ต่อไปได้ ทั้งนี้จากการแบ่งขั้วของ กสทช.ในปัจจุบัน น่าจะทำให้ไม่สามารถได้เสียงสองในสาม โอกาสในการสกัดพิรงรองจึงมีอยู่มากในบอร์ด
จึงต้องจับตาว่าอนุกรรมการที่ปรึกษาด้านกฎหมายฯ จะมีมติในเรื่องนี้อย่างไรหรือไม่
⸻
หมอประวิทย์ก็โดน! ทรูชูประเด็นใหม่ ค้าน “หมอผู้บริโภค” เข้าร่วมอนุฯ
เรื่องราวของพิรงรองยังไม่จบ มีรายงานว่า เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2568 บริษัททรูได้ส่งหนังสือถึงประธานอนุกรรมการฯ คัดค้าน หมอลี่ โดยอ้างว่ามีพฤติกรรมไม่เป็นกลางเกี่ยวกับการควบรวมทรู–ดีแทค และเคยเปิดเผยข้อมูลลับ
สำหรับหมอลี่ เป็นอดีตกสทช.ด้านคุ้มครองผู้บริโภค ผู้มีบทบาทสำคัญในการตรวจสอบการควบรวมกิจการโทรคมนาคมอย่างเข้มข้นในอดีต การคัดค้านนี้จึงถูกมองว่าเป็นความพยายาม ลดน้ำหนักเสียงในอนุกรรมการฯ ที่ไม่เอียงเข้าหากลุ่มทุนหรือไม่?
⸻
แต่คัดค้านอนุฯ ทำได้หรือไม่? กฎหมายอาจไม่เปิดทาง
แม้จะมีหนังสือคัดค้านจากทรู แต่ตาม พ.ร.บ.วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 การคัดค้านจะทำได้เฉพาะกับเจ้าหน้าที่หรือกรรมการที่ใช้อำนาจทางปกครองโดยตรง ขณะที่คณะอนุกรรมการที่ปรึกษาฯ ของ กสทช. เป็นเพียง “ผู้ให้ความเห็น” ไม่ได้มีอำนาจออกคำสั่งใดโดยตรง
จึงเป็นที่จับตาว่าอนุกรรมการฯ จะตีความเช่นไร
และจะมีผลต่อการลงมติเรื่อง “พิรงรอง” หรือไม่
⸻
เมื่อการตรวจสอบกลุ่มทุน กลับทำให้ผู้ตรวจสอบถูกรุกกลับ
คำถามใหญ่จึงไม่ใช่แค่ว่า “พิรงรอง” หรือ “ประวิทย์” จะได้อยู่ต่อหรือไม่
แต่คือ —
ใครกำลังขับเคลื่อนการไล่บี้?
และพวกเขากำลังใช้กลไกไหน
เพื่อบีบให้คนที่ไม่อ่อนข้อ…
ต้องออกจากโต๊ะไปทีละคน?
นี่คือกลไกกำกับดูแลเพื่อประชาชน…หรือเพื่อใครกันแน่?
⸻