“เปรมชัย กรรณสูต” เจ้าสัวแห่งอาณาจักรอิตาเลียนไทย เคยเป็นชื่อที่สะท้อนอิทธิพลในแวดวงรับเหมาก่อสร้างระดับชาติ ก่อนที่ชื่อของเขาจะกลายเป็นสัญลักษณ์ความผิดที่สังคมไม่ลืม หลังจากถูกดำเนินคดีล่า–ฆ่า–ครอบครอง “เสือดำ” สัตว์ป่าคุ้มครองภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร เมื่อวันที่4 ก.พ. 2561
หลักฐานสำคัญในคดีคือซากเสือดำพร้อมอาวุธปืนและเครื่องในสัตว์ป่าหลายรายการ รวมถึงพยานหลักฐานจากเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า โดยศาลฎีกาพิพากษาจำคุก 2 ปี 14 เดือนเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2564 ไม่รอลงอาญา และเปรมชัยได้รับการพักโทษเมื่อ17 ตุลาคม 2566 หลังรับโทษ 1 ปี 10 เดือน
แต่เส้นทางชีวิตหลังรับโทษของเปรมชัย ไม่ได้โรยด้วยดอกกุหลาบ และล่าสุดอาจต้องหวนคืนสู่ “กำแพงสูงล้อมรั้วลวดหนาม” อีกครั้ง เมื่อศาลออกหมายจับเปรมชัยกับพวก 17 คนในคดีอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่มจากเหตุแผ่นดินไหวที่เมียนมา
คดีนี้เกิดขึ้นจากอาคารก่อสร้างของสำนักงาน สตง. ที่พังถล่มลงมาระหว่างก่อสร้าง เบื้องต้นพบข้อบกพร่องด้านโครงสร้าง การออกแบบ การควบคุมงาน และการจัดซื้อจัดจ้างซึ่งเชื่อมโยงไปถึงกลุ่มบริษัทเอกชน วิศวกร และผู้บริหารที่เกี่ยวข้อง
เจ้าสัวเปรมชัยถูกระบุชื่อในฐานะหนึ่งในผู้ต้องหาสำคัญ ร่วมกับ “นายชวน หลิง จาง” และกลุ่มบริษัทอีก 3 กลุ่ม ประกอบด้วย
- ผู้รับเหมาหลัก (กิจการร่วมค้า)
- ผู้ควบคุมงาน
- วิศวกรผู้ออกแบบ–แก้แบบ–เซ็นรับรองแบบ
โดยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 227 และ 238 ซึ่งเกี่ยวข้องกับการออกแบบ ควบคุม หรือก่อสร้างอาคารโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย มีโทษสูงสุดถึง “จำคุกตลอดชีวิต”
ความถดถอยของ “อิตาเลียนไทย”
ก่อนหน้าเหตุการณ์นี้ อาณาจักร “อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์” ที่เคยเป็นหนึ่งในบิ๊กแบรนด์ด้านรับเหมาก่อสร้างของประเทศ ก็เริ่มแสดงสัญญาณความอ่อนแอ:
- ราคาหุ้น ITD ร่วงหนักกว่า 70% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา
- บริษัทประสบปัญหาหนี้สินพุ่งสูงกว่า7.4 หมื่นล้านบาท
- ขาดทุนต่อเนื่องทุกปีตั้งแต่ 2563 จนถึงปัจจุบัน รวมกว่า 6,000 ล้านบาท
- ถูกลดอันดับเครดิตองค์กรจากทริสเรทติ้ง สะท้อนปัญหาสภาพคล่องรุนแรง
- โครงการขนาดใหญ่หลายแห่งล่าช้า หรือล้มเหลวทางการเงิน
เจ้าสัวเปรมชัยเคยถูกมองว่าเป็น “ตัวแทนอุตสาหกรรมก่อสร้างยุคทอง” แต่วันนี้กลับต้องเผชิญทั้งคดีอาญา ภาพลักษณ์เสื่อมทรุด และปัญหาทางธุรกิจที่รุมเร้า
เส้นทางชีวิตที่ยังไม่จบ…หรืออาจเริ่มต้นใหม่ “ในเรือนจำ”
คดีตึก สตง. ไม่เพียงเป็นคดีที่เปิดโปงความไม่โปร่งใส่ส่อทุจริตที่กัดกินเป็นวงกว้าง และยังสะท้อนวัฒนธรรมความมักง่ายในการก่อสร้างของประเทศไทยที่ส่งผลให้ “โครงสร้าง” กลายเป็น “ซากปรัก” และผู้อยู่เบื้องหลังอาจต้องรับกรรมไม่ต่างจากกรณีเสือดำ
หากศาลมีคำพิพากษาลงโทษอีกครั้ง เจ้าสัวเปรมชัย อาจต้องหวนคืนสู่เรือนจำ ซ้ำรอยชีวิตที่เคยต้องชดใช้ด้วย “อิสรภาพ” จากการล่าเสือดำในป่า…สู่การล้มของโครงสร้างที่เขามีส่วนรับผิดชอบกลางเมืองหลวง
ชะตากรรมเจ้าสัวเปรมชัย…อาณาจักรที่ใกล้พังทลาย
จากคดีล่าเสือดำในผืนป่าทุ่งใหญ่นเรศวร สู่คดีตึกสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินถล่มกลางเมืองหลวง
ปัญหาที่ตามหลอกหลอนเจ้าสัวเปรมชัย ไม่ได้มีแค่ความผิดทางกฎหมาย แต่คือ “สำนึกต่อสาธารณะ” ที่ขาดหายไป
ความหลงใหลในอำนาจ การเชื่อว่าตนเองอยู่เหนือระบบ และวิถีธุรกิจที่อิงกับเส้นสายมากกว่ามาตรฐาน ล้วนส่งผลให้เปรมชัยเผชิญชะตากรรมซ้ำซาก
จากซากเสือดำ…ถึงซากตึก
จากสัตว์ป่าที่ถูกพรากชีวิต…ถึง 92 ชีวิตที่ถูกคอนกรีตถมทับ
และอีก 4 ชีวิตที่ยังไม่รู้ชะตา
บางที…นี่อาจไม่ใช่แค่ผลจากการกระทำ
แต่อาจเป็น “กฎแห่งกรรม” ที่กำลังย้อนคืน—อย่างยุติธรรมเสมอ