เรียบเรียงจากบทสัมภาษณ์ในรายการ “เที่ยงเปรี้ยงปร้าง”
ดำเนินรายการโดย สมจิตต์ นวเครือสุนทร
—
“นี่ไม่ใช่แค่เรื่องแจกเงิน แต่นี่คือการเล่นแร่แปรธาตุทางการคลัง ที่กำลังทำให้เงินไทยไร้เสถียรภาพ”
รศ.ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง นักเศรษฐศาสตร์และสื่อมวลชนอาวุโส ใช้ถ้อยคำรุนแรงที่สุดเท่าที่เคยพูดมาในรายการ เที่ยงเปรี้ยงปร้าง เพื่อเตือนถึงสิ่งที่เขามองว่าเป็น “มหันตภัยทางการคลัง” ที่มากับสิ่งชื่อว่า G-Token—เหรียญดิจิทัลที่รัฐบาลเตรียมออกวงเงิน 5,000 ล้านบาท เพื่อกู้ประชาชนมาชดเชยงบขาดดุลปี 2568
“มันคือเหรียญบาทเสมือนจริง ที่ไม่มีแบงก์ชาติหนุนหลัง แต่ใช้เครดิตรัฐบาลเป็นตัวรับประกัน แล้วอ้างว่าไม่ใช่เงินตรา แค่เป็นสินทรัพย์ดิจิทัล…”
เจิมศักดิ์บอกว่า ถ้าเข้าใจเจตนาเบื้องหลังต้องย้อนไปถึง “นโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท” ที่รัฐบาลเศรษฐาอยากทำมาตั้งแต่ต้น แต่เดินเกมผิด จนฝืน พ.ร.บ.เงินตราไม่ได้—จึงต้อง “แปลงร่าง” เป็น G-Token
“มันคือมายากลทางกฎหมาย หลอกแม้กระทั่งคนในรัฐบาลเอง”
เขาเตือนว่าแม้จะอ้างว่า G-Token ไม่ใช่เงินตรา แต่ในทางปฏิบัติ มันสามารถซื้อขาย โอน เปลี่ยนมือ และอาจถูกนำไปใช้ชำระหนี้หรือซื้อสินค้าได้จริง หากระบบควบคุมไม่แน่นพอ และนั่นจะเป็นปัญหาใหญ่
“ถ้าธนาคารกลางควบคุมปริมาณเงินไม่ได้ ประเทศจะพังแน่นอน เพราะอำนาจด้านการเงินจะไปอยู่กับนักการเมือง”
—
เจิมศักดิ์วิเคราะห์ต่อว่า การออก G-Token เท่ากับ ลัดวงจรระบบการคลัง–การเงิน ทั้งหมด เพราะเป็นการกู้เงินโดยไม่ออกพันธบัตร ไม่มีตั๋วสัญญาใช้เงิน และไม่มีแบงก์ชาติรับรอง แต่อ้างให้ ก.ล.ต. กำกับดูแลในฐานะสินทรัพย์การลงทุน แล้วใช้เครดิตรัฐบาลมารับผิดชอบ
“ถามว่ารัฐบาลชุดหน้าจะไม่รับผิดชอบได้ไหม? ไม่ได้…เพราะคนซื้อจะเรียกร้องหนี้จากรัฐแน่นอน”
แต่สิ่งที่หนักหนากว่านั้น—คือการโยกงบประมาณที่ผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญโดยตรง
“มีการตัดเงิน 35,000 ล้านบาทจากธนาคารรัฐ 5 แห่ง มาใช้ในโครงการนี้ ซึ่งเข้าข่ายผิดรัฐธรรมนูญมาตรา 144 และมีโทษถึงขั้นต้องพ้นตำแหน่ง”
เขาชี้ว่า ครม.เศรษฐา, ส.ส., ส.ว. และ กมธ.งบประมาณล้วนเกี่ยวข้อง และจะกลายเป็นชนวนเหตุใหญ่ในเดือนกรกฎาคมนี้ หาก ป.ป.ช. ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย
—
แล้วแพทองธารล่ะ? ถ้าเข้ามาใช้เงินจากงบที่โยกผิดกฎหมาย—จะโดนด้วยหรือไม่?
เจิมศักดิ์ชี้ว่า แม้จะไม่ได้เป็นคนโยกงบโดยตรง แต่หากไม่มีการยับยั้ง หรือแสดงความรับรู้ทั้งที่ควรรู้ อาจเข้าข่ายร่วมกระทำ และมีโอกาสถูกตัดสิทธิทางการเมืองด้วยเช่นกัน
“เรื่องนี้ไม่ได้หยุดแค่การเมือง…แต่มันอาจเป็นจุดเปลี่ยนทั้งระบบ”
เขาทิ้งท้ายแบบนั้น พร้อมกับเตือนอีกครั้งว่า
“G-Token อาจดูเหมือนไม่ใช่เงินตรา แต่สุดท้าย…มันก็ คือเงินตรา—ในเงามืด”