“ฉันแค่แม่บ้าน เขาให้เซ็นเอกสาร ก็เซ็น…ไม่รู้ว่าเป็นกรรมการบริษัทด้วยซ้ำ”
คำให้การของหญิงวัย 54 ปีในคดีเลี่ยงภาษีมูลค่าเพิ่มกว่า 180 ล้านบาท อาจฟังดูไร้เดียงสา
แต่เบื้องหลังคำพูดนั้นคือความเสียหายของรัฐรวมกว่า 430 ล้านบาท
นี่เป็นความผิดของแม่บ้านคนหนึ่ง หรือเป็นความล้มเหลวของระบบภาษีทั้งระบบ?
จากไม้กวาดถึงหมายจับ
ปลายเดือนพฤษภาคม 2568 ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดยกองปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) แถลงการจับกุมหญิงวัย 54 ปี นามว่า “สมบุญ” ในข้อหาหลีกเลี่ยงภาษีมูลค่าเพิ่มกว่า 186 ล้านบาท
โดยตรวจพบว่าเธอมีรายชื่อเป็นกรรมการของบริษัทชิปปิ้งนำเข้าสินค้าแห่งหนึ่ง
แต่เรื่องไม่ได้จบแค่นั้น…
เมื่อเจ้าหน้าที่ขยายผล พบว่าเธอยังมีรายชื่อเป็นกรรมการใน อีก 2 บริษัท ซึ่งถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดในลักษณะเดียวกัน คือ ปกปิดยอดขาย ไม่ออกใบกำกับภาษี และเลี่ยงการยื่นภาษีมูลค่าเพิ่ม
รวมความเสียหายของทั้ง 3 บริษัท ที่มี “แม่บ้านคนเดียวกัน” เป็นกรรมการ = กว่า 430 ล้านบาท
ธุรกิจผี–กรรมการผี: ปัญหาเก่าที่รัฐมองข้าม
กรณีแบบนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ ธุรกิจจำนวนมาก—โดยเฉพาะในหมวดนำเข้า ส่งออก และก่อสร้าง—มีการตั้ง “บริษัทผี” ขึ้นโดยใช้ชื่อบุคคลอื่นที่ไม่มีความเกี่ยวข้องจริง เช่น แม่บ้าน คนขับรถ หรือแรงงานรายวัน เป็น “กรรมการบริษัท”
เหตุผลเดียว: เพื่อ “บังหน้า” เจ้าของตัวจริง
หากเกิดปัญหา ก็โยนความผิดให้คนที่ไม่มีทั้งความรู้และอำนาจต่อรอง
ช่องโหว่ในระบบภาษี หรือช่องโหว่ในความเป็นธรรม?
กรณีของ “สมบุญ” สะท้อนความเปราะบางของระบบจัดเก็บภาษีในประเทศไทย
บริษัทที่เธอมีชื่อเป็นกรรมการ ไม่มีเอกสารการเงิน ไม่ออกใบกำกับภาษี ไม่จ่ายภาษีจริงตามยอดขาย
แต่ที่น่ากังวลกว่าคือ ระบบภาษียังไม่สามารถตรวจสอบความผิดปกตินี้ได้ตั้งแต่ต้น
เพราะยังไม่มีการบังคับใช้ระบบตรวจสอบ เช่น e-Tax Invoice, ระบบ KYC (รู้จักลูกค้า), หรือฐานข้อมูลกรรมการที่มีการตรวจสอบความเหมาะสม
ผลคือ เจ้าหน้าที่ตรวจพบความผิดได้ก็ต่อเมื่อเกิดความเสียหายไปแล้วหลายร้อยล้าน และผู้รับผิด—กลับไม่ใช่เจ้าของตัวจริงของบริษัท แต่เป็น “แม่บ้าน” ที่เซ็นชื่อให้โดยไม่รู้ตัว
เสียงที่รัฐไม่เคยฟัง: คนจนมีสิทธิ์ “ไม่รู้” หรือไม่?
คำว่า “ไม่รู้” มักถูกมองเป็นข้ออ้าง แต่ในระบบที่ไม่คุ้มครองผู้ด้อยโอกาส
คำว่า “ไม่รู้” ของแม่บ้านอาจสะท้อนความเหลื่อมล้ำที่ลึกกว่าแค่เรื่องภาษี
รัฐจะยืนยันว่า “ใครเซ็นต้องรับผิด” ก็ได้
แต่คำถามคือ คนจนมีอำนาจปฏิเสธการเซ็นเอกสารไหม?
หรือระบบนี้เอื้อให้คนรวยโยนบาปได้เสมอ?
จะป้องกันได้อย่างไร?
- ปฏิรูประบบจดทะเบียนนิติบุคคล: ตรวจสอบความเหมาะสมของกรรมการ เช่น รายได้ สถานะทางการเงิน ความเข้าใจธุรกิจ
- บังคับใช้ e-Tax Invoice / e-Receipt อย่างจริงจัง เชื่อมโยงข้อมูลภาษีแบบเรียลไทม์
- ให้ความรู้ประชาชนเรื่องความเสี่ยงของการให้ใช้ชื่อหรือบัตรประชาชน ในทางกฎหมาย
- เอาผิดเจ้าของตัวจริงที่อยู่เบื้องหลังการใช้ชื่อบุคคลอื่นเป็นกรรมการบังหน้า
คนจนติดคุก…คนรวยลอยนวล!
คดีเลี่ยงภาษีที่ดูเหมือนจะเกี่ยวกับตัวเลขและกฎหมายเศรษฐกิจ
แท้จริงแล้ว เป็นกระจกที่สะท้อนความบิดเบี้ยวของระบบทั้งระบบ
ภาษีที่หายไป ไม่ใช่แค่ตัวเลข แต่มันคือความยุติธรรมที่หายไปพร้อมกัน
และหากรัฐยังปล่อยให้บริษัทผีใช้ชื่อคนจนเป็นบังหน้า
สุดท้าย…คนที่ต้องจ่ายจริง อาจไม่ใช่แค่รัฐ
แต่คือ “สังคม” ที่เชื่อว่าความยุติธรรมเท่ากันสำหรับทุกคน