ใครคือเจ้าของโครงข่ายโทรคมนาคมของประเทศ
เสาสัญญาณที่ปล่อยคลื่นให้เราสื่อสาร
สายไฟเบอร์ออปติกที่พาดผ่านไปทั่วประเทศ
ดาต้าเซ็นเตอร์ที่เก็บข้อมูลทั้งรัฐและประชาชน
คุณคิดว่า…มันควรอยู่ในมือใคร?
รัฐ? เอกชน? หรือกองทุนที่ไม่ต้องมีใบอนุญาตใด ๆ ?
วันนี้มี “ทุน” ที่ถือครองทรัพย์สินเหล่านี้
โดยไม่ต้องขอใบอนุญาตจาก กสทช.
ไม่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียม
ไม่ต้องอยู่ภายใต้กติการการแข่งขันที่เป็นธรรม
และที่น่ากลัวกว่าคือ—กสทช.เองก็ไม่แน่ใจว่ามีสิทธิกำกับได้หรือไม่ง
ในขณะที่ประชาชนกำลังจ่ายค่าโทร ค่าเน็ต
ในระบบที่ตัวเองไม่สามารถควบคุมหรือร้องเรียนอะไรได้อีกต่อไป
บทความนี้จะพาไปดูว่า
3 กองทุนโทรคมนาคมครองโครงข่ายประเทศอย่างไร โดยไม่มีใบอนุญาต ใครได้-ใครเสีย-ใครนิ่งเฉย และวาระสำคัญที่กำลังจะตัดสินว่า กสทช. คือองค์กรอิสระ…หรือแค่ตรายางของทุน?
————
ปัจจุบันมี “กองทุนโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม” อย่างน้อย 3 รายหลัก คือ:
DIF – Digital Telecommunications Infrastructure Fund
• จัดตั้ง: ปี 2556
• เจ้าของ: บลจ.ไทยพาณิชย์ + ทรู
• ทรัพย์สิน: เสาโทรคมนาคม, สายไฟเบอร์ออปติก
• โครงสร้าง: ทรูขายให้กองทุน แล้วเช่ากลับใช้เองเป็นหลัก
• จุดสังเกต: ทรัพย์สินส่วนหนึ่ง เคยอยู่ในระบบสัมปทานกับ TOT/CAT ซึ่งควรกลับคืนรัฐ แต่ถูกโอนไปยังกองทุนก่อนครบสัญญา
JASIF – Jasmine Broadband Internet Infrastructure Fund
• จัดตั้ง: ปี 2558
• เจ้าของ: บลจ.บัวหลวง + JAS / 3BB
• ทรัพย์สิน: สายไฟเบอร์ออปติก
• โครงสร้าง: บริษัทลูกของ JAS ขายให้กองทุน และเป็นผู้เช่ารายเดียว
• ต่างจาก DIF: ไม่มีสัมปทานเดิมกับรัฐ แต่ยังคงหลีกเลี่ยงการขอใบอนุญาตจาก กสทช. ได้เช่นกัน
INETREIT – Internet Thailand REIT
• จัดตั้ง: ปี 2562
• เจ้าของ: บริษัท อินเทอร์เน็ตประเทศไทย จำกัด (มหาชน)
• ทรัพย์สิน: ดาต้าเซ็นเตอร์, โครงข่าย Core
• โครงสร้าง: ขาย–เช่ากลับ โดยบริษัทแม่
• ลักษณะเฉพาะ: ไม่ใช่โครงข่ายเสา–สายโดยตรง แต่เป็นโครงสร้างพื้นฐานไอทีเชิงลึก
————
วาระสำคัญที่ถูกดองไว้ กำลังจะเข้าสู่การพิจารณา
• ปี 2562: กองทุนบัวหลวงส่งหนังสือหารือกับ กสทช. ว่ากองทุนต้องขอใบอนุญาตหรือไม่
• ปี 2564: คณะอนุกรรมการกฎหมายของ กสทช. มีความเห็นว่า “กสทช. ไม่มีอำนาจกำกับดูแลกองทุนรวมฯ” ซึ่ง บอร์ด กสทช. ลงมติว่า “ไม่ต้องขอใบอนุญาตจาก กสทช. และให้ไปหารือกับ ก.ล.ต. เพื่อร่วมกำหนดแนวทางกำกับดูแล”
ล่าสุด มีรายงานว่า บอร์ด กสทช. ชุดปัจจุบัน กำลังเตรียมหยิบวาระนี้มาพิจารณาอีกครั้ง เพราะยังไม่มีการกำหนดแนวทางกำกับดูแลระหว่าง กสทช. และ ก.ล.ต. เลย
คำถามคือ—ครั้งนี้อาจเป็นโอกาสสำคัญที่จะช่วยกลับมติ กสทช. เดิม แล้วให้ กองทุนฯ กลับมาอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ กสทช. หรือไม่?
————
โครงสร้างผลประโยชน์: ทุนได้ – รัฐถอย – ประชาชนต้องไม่เงียบ
ทุนได้อะไร?
• ถือครองโครงข่ายหลักของประเทศ
• ไม่ต้องขอใบอนุญาต ไม่ต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย กสทช.
• ไม่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมหรือเงินสมทบ USO (Universal Service Obligation)
USO คือเงินที่จัดเก็บจากผู้ประกอบการโทรคมนาคม เพื่อนำไปพัฒนาเครือข่ายในพื้นที่ห่างไกล ให้ประชาชนทุกคนเข้าถึงบริการขั้นพื้นฐานได้ในราคาที่เป็นธรรม
รัฐเสียอะไร?
• รายได้หลายร้อยล้านบาทต่อปี
• อำนาจควบคุมมาตรฐาน – การใช้ร่วม – ความมั่นคง
• ความสามารถในการบังคับให้เปิดโครงข่ายอย่างเป็นธรรม
ประชาชนเสียอะไร?
• เข้าถึงบริการได้ไม่ทั่วถึง เพราะรัฐไม่มีงบ USO
• ไม่มีสิทธิร้องเรียนหรือควบคุมคุณภาพบริการ
• ทางเลือกในตลาดลดลง เพราะโครงข่ายกระจุกอยู่ในมือเอกชนไม่กี่ราย
————-
ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่?
รัฐธรรมนูญ มาตรา 56 วรรคสอง
“รัฐต้องดำเนินการให้มีโครงสร้างพื้นฐานด้านการสื่อสารโทรคมนาคม…
ที่เพียงพอ ทั่วถึง ทันสมัย และไม่เลือกปฏิบัติ เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงได้ในราคาที่เป็นธรรม”
มาตรา 60
“รัฐพึงมีทรัพยากรธรรมชาติ หรือโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นต่อความมั่นคงของประเทศและเศรษฐกิจ…
เพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชนโดยรวม”
แต่วันนี้—รัฐปล่อยให้ทุนถือครองโครงสร้างเหล่านี้แบบไม่มีการกำกับดูแล
ไม่ต้องขอใบอนุญาต
ไม่ต้องเปิดใช้ร่วม
ไม่ต้องพัฒนาเพื่อความทั่วถึง
นี่คือการละเมิดเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญโดยตรงหรือไม่?
ถ้า กสทช. ถูกทุนคุมได้—ผลลัพธ์ไม่ต้องจินตนาการ
ถ้าวาระนี้ยังไม่สามารถเปลี่ยนมติเดิมได้
ถ้ากองทุนไม่ต้องขอใบอนุญาต
ถ้าคนที่กล้าถูกกันออกจากระบบ
เราก็จะเหลือแค่รัฐที่ไม่มีอำนาจควบคุมสิ่งที่ควรเป็นของรัฐ
เมื่อโครงข่ายถูกขายข้ามชาติ
ประชาชนจะไม่มีสิทธิทวงถาม เพราะไม่มีอะไรอยู่ในมือรัฐอีกแล้ว
ความมั่นคงของชาติอยู่ตรงไหน?
————
คำถามสุดท้าย: แล้วจะมี กสทช. ไว้เพื่ออะไร?
กสทช. ถูกตั้งขึ้นหลังการปฏิรูประบบสื่อสาร เพื่อแยกอำนาจจากรัฐรวมศูนย์
เพื่อคุมทุนไม่ให้ผูกขาด
เพื่อคุ้มครองประชาชน
เพื่อจัดการคลื่นและโครงข่ายอย่างเป็นธรรม
แต่วันนี้…
• กสทช. ไม่กล้ากลับมติแม้เรื่องที่ชัดว่าไม่เป็นธรรม
• กฎหมายไม่ถูกแก้ไข
• ช่องโหว่ถูกใช้เพื่อหลีกเลี่ยงการกำกับ
• กรรมการที่กล้า…กำลังถูก “เด็ดปีก”
ถ้าแม้แต่วาระนี้ยังไม่สามารถทวงอำนาจรัฐกลับมา
กสทช. จะไม่ใช่องค์กรอิสระอีกต่อไป
และเรา…จะไม่ใช่เจ้าของโครงข่ายของประเทศนี้อีกต่อไปเช่นกัน
———
ไม่ใช่แค่ไม่ถูกกำกับ…แต่มัน “บิดเบือนการแข่งขัน”
หากกองทุนรวมและทรัสต์สามารถถือครองโครงข่ายโดยไม่ต้องขอใบอนุญาตจาก กสทช. ขณะที่ผู้ให้บริการรายอื่นยังต้องแบกรับภาระค่าธรรมเนียม ใบอนุญาต และข้อกำกับมาตรฐาน
ทำให้เกิด…
“ความลักลั่นในการกำกับดูแล และมีต้นทุนที่แตกต่างกัน”“เกิดความไม่เป็นธรรมในการแข่งขัน”“และแนวโน้มที่ผู้รับใบอนุญาตจะหลีกเลี่ยง โดยโอนทรัพย์สินออกจากระบบกำกับ”
หากสิ่งนี้กลายเป็นแนวปฏิบัติทั่วไป
ระบบโครงข่ายจะค่อย ๆ ถ่ายโอนออกจากกรอบควบคุม
ผู้เล่นรายใหญ่จะผูกขาดแบบนิ่ม ๆ
รายเล็กแข่งไม่ได้ รายใหม่หาช่องเข้ายาก
สุดท้าย สิ่งที่รัฐออกแบบไว้เพื่อกำกับ…จะกลายเป็นเพียงตรายาง
และผู้เสียหายที่สุด คือประชาชน