แม้ศาลฎีกาจะตัดสินคดีอาญาไปแล้วเมื่อปี 2560
และอดีตรัฐมนตรีระดับสูงในรัฐบาลยิ่งลักษณ์บางรายถูกจำคุกไปแล้ว
แต่โครงการรับจำนำข้าวยังไม่ถึงบทอวสาน
เพราะวันที่ 23 พฤษภาคม 2568 นี้
ศาลปกครองสูงสุดจะอ่านคำพิพากษาชี้ชะตา
“ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ต้องชดใช้ค่าเสียหาย 35,700 ล้านบาทหรือไม่
คดีนี้ไม่ใช่แค่ประเด็นทางกฎหมาย
แต่นับเป็นบททดสอบทางความรับผิดชอบเชิงนโยบายครั้งสำคัญ
ว่าผู้นำที่ผลักดันนโยบายขนาดใหญ่
ควรถูกผูกพันต่อผลเสียหายระดับประเทศแค่ไหน
⸻
ติดคุกแล้ว…แต่คดียังไม่จบ
คดีอาญาโครงการรับจำนำข้าวจบลงด้วยการ
• ตัดสินจำคุก น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร 5 ปี ไม่รอลงอาญา ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
• แต่ยิ่งลักษณ์หลบหนีออกนอกประเทศก่อนวันพิพากษา (27 ก.ย. 2560)
• ขณะที่ บุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และ ภูมิ สาระผล รัฐมนตรีช่วยฯ
ถูกตัดสินจำคุก 42 ปี และ 36 ปี ตามลำดับในคดีระบายข้าวแบบ G2G เท็จ และรับโทษอยู่ในเรือนจำ
แม้การรับผิดทางอาญาจะมีคำตัดสินชัดเจน
แต่การชดใช้ความเสียหายทางแพ่งและปกครอง ยังไม่จบแต่ก็ใกล้จะสิ้นสุดแล้ว
⸻
คดีแพ่ง–ปกครอง: ลุ้นชี้ขาด 23 พ.ค.
ปี 2559 กระทรวงการคลังใช้อำนาจตามคำสั่งหัวหน้า คสช. สั่งให้ ยิ่งลักษณ์ ชดใช้ค่าเสียหาย 35,700 ล้านบาท
จากความล้มเหลวในการควบคุมไม่ให้เกิดความเสียหายจากโครงการ
ปี 2560 ยิ่งลักษณ์ยื่นฟ้องศาลปกครองกลางให้เพิกถอนคำสั่งดังกล่าว
และในปี 2564 ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาให้ยิ่งลักษณ์ “ชนะคดี”
โดยให้เหตุผลว่า คำสั่งทางปกครองของกระทรวงการคลัง
ละเมิดหลักความเป็นธรรม ไม่เปิดโอกาสให้ชี้แจงหรือแสดงพยานหลักฐานก่อนออกคำสั่ง
กรมบัญชีกลางในฐานะคู่ความ ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุด
ซึ่งได้นัดอ่านคำพิพากษา ในวันที่ 23 พฤษภาคม 2568 นี้
⸻
ไล่เรียงไทม์ไลน์จำนำข้าว: จากนโยบายสู่คดี
• ต.ค. 2554: เริ่มโครงการรับจำนำข้าว รัฐรับซื้อในราคาสูงกว่าตลาดโลก
• 2555–2556: ข้าวล้นโกดัง รัฐต้องแบกภาระสต๊อกข้าวมหาศาล ขาดระบบควบคุม ใช้งบประมาณมากกว่า 8.2 แสนล้านบาท
• 2557: ชาวนาไม่ได้รับเงินตามสัญญา เกิดการประท้วง รัฐบาลเข้าสู่ภาวะวิกฤต
• หลังรัฐประหาร: ตรวจสอบพบความเสียหายทั้งจากทุจริตและนโยบาย
• ขาดทุนรวมจากโครงการกว่า 6.8 แสนล้านบาท (ข้อมูลจาก ป.ป.ช. และ สตง.)
• ข้าวสูญหาย เสื่อมคุณภาพ
• พบการจัดฉากขายแบบ G2G ปลอม เปิดช่องเอกชนไทยหากำไรจากรัฐ
⸻
บทเรียนประชานิยม: แจกได้ ก็ต้องรับผิดได้
โครงการรับจำนำข้าวกลายเป็นต้นแบบสำคัญของคำถามว่า
“ประชานิยมที่ไม่มีขอบเขต เต็มไปด้วยความไม่โปร่งใส ปลายทางมีที่เดียวคือ “คุก” และ การชดใช้ ”
นโยบายนี้ไม่ได้ถูกตัดสินว่า “ผิดเพราะใช้เงิน”
แต่ถูกตัดสินว่า “ผิดเพราะไม่มีระบบรองรับ ไม่มีแผนระบาย ไม่มีความโปร่งใส”
และในที่สุดต้องใช้เงินภาษีประชาชนไปอุดความเสียหาย
หากศาลปกครองสูงสุดกลับคำพิพากษา ให้ยิ่งลักษณ์ต้องชดใช้ 3.5 หมื่นล้าน
นั่นจะเป็นหมุดหมายใหม่ของ ความรับผิดส่วนบุคคลในนโยบายภาครัฐ
แต่หากศาลยืนตามคำพิพากษาเดิม
ก็เท่ากับปิดประตูการเอาผิดทางแพ่งของยิ่งลักษณ์ในคดีนี้อย่างถาวร
⸻
จำนำข้าวไม่ใช่แค่เรื่องอดีต แต่เป็นเครื่องเตือนใจอนาคต
ในวันที่รัฐบาลชุดปัจจุบันเดินหน้าประชานิยมรูปแบบใหม่
ไม่ว่าจะเป็น “เงินดิจิทัลหมื่นบาท”
หรือนโยบายใดก็ตาม…
ประชาชนควรถามเสมอว่า—
เงินที่แจก…หนี้ของใคร?
และถ้าเกิดปัญหา…ใครจะเป็นคนรับผิด?