“เร่งรื้อสัญญาชั่วนิรันดร์ ให้เป็นธรรมกับทุกฝ่าย เพื่อลดต้นทุนค่าไฟอย่างยั่งยืน”
— พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค, รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
ในที่สุด พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ก็ออกมาขยับอีกครั้ง
เมื่อเปิดเผยว่าได้หารือกับสมาคมพลังงานหมุนเวียนไทย (RE100) เพื่อเดินหน้ารื้อ “สัญญาชั่วนิรันดร์” — หรือสัญญารับซื้อไฟฟ้าที่ต่ออายุโดยอัตโนมัติไม่สิ้นสุด
โดยมีเป้าหมายเพื่อลดภาระ Adder และ FiT ที่รัฐเคยให้การสนับสนุนกลุ่มโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก (SPP/Non-Firm) ตั้งแต่ปี 2550 เป็นต้นมา ซึ่งกลายเป็นต้นทุนมหาศาลที่สะสมมาหลายปี และถูกผลักภาระไปให้ประชาชนในรูปแบบค่าไฟแพง
การตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อลงมือทบทวนสัญญาเหล่านี้ ถือเป็นสัญญาณบวก
แต่คำถามคือ — ช้าไปหรือเปล่า?
เพราะในขณะที่รัฐพูดเรื่อง “รื้อโครงสร้าง”
ประชาชนกำลังจ่ายค่าไฟจาก “โครงสร้างเดิม” อยู่ทุกวัน
ล่าสุด กกพ. ประกาศลดค่าไฟฟ้ารอบ พ.ค.–ส.ค. 68 เหลือหน่วยละ 3.98 บาท
แต่สิ่งที่ควรจับตาไม่ใช่ตัวเลขนี้…
คือที่มาของเงินที่ช่วยให้ลดได้ต่างหาก
เพราะเงิน 12,200 ล้านบาทที่นำมาลดค่าไฟในรอบนี้
ไม่ได้มาจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างต้นทุนไฟฟ้า
แต่เป็น “เงินที่ประชาชนจ่ายเกิน” ในรอบก่อน จากการคำนวณใช้ไฟฟ้าผิดพลาดของ 3 การไฟฟ้า
เรียกง่าย ๆ ว่า…รัฐ “รีดเงินคืน” จากตัวเลขลงทุนเกินจริง
แล้วนำมาใช้ลดราคาในรอบนี้ชั่วคราว
เป็นการ “แก้ปัญหาเฉพาะหน้า” ไม่ใช่ “การปฏิรูปเชิงระบบ”
สภาผู้บริโภค: การลดค่าไฟจะยั่งยืน ก็ต่อเมื่อรัฐกล้าจัดการกับต้นทุนเทียม
นายอิฐบูรณ์ อ้นวงษา รองเลขาธิการสภาองค์กรของผู้บริโภค ตั้งคำถามสำคัญว่า
ถ้ารัฐบาลยังไม่แตะโครงสร้างต้นทุนจากโรงไฟฟ้าเอกชน ที่ผูกขาดกำไรจากสัญญายาว ๆ แบบไม่มีวันหมดอายุ
ค่าไฟก็จะกลับมาแพงอีกในรอบถัดไป
เพราะสิ่งที่แพงจริง…ไม่ใช่ไฟฟ้า แต่คือ “นโยบายรัฐที่เอื้อให้ทุนผูกขาดกินส่วนต่าง”
และ “ความกล้า” ที่รัฐยังไม่มีมากพอจะเปลี่ยนแปลง
“การลดค่าไฟรอบนี้ ไม่ใช่ความยั่งยืน แต่เป็นการแก้เปลือกนอกเท่านั้น”
ถ้าอยากลดค่าไฟให้ต่ำกว่า 3.70 บาท — ทำได้เลย ถ้ารัฐกล้าจริง
สิ่งที่ควรทำทันที ได้แก่:
ยกเลิกการต่อสัญญา Adder แบบอัตโนมัติ กับกลุ่มทุนพลังงานหมุนเวียน
เปิด Net Metering เสรี ให้ประชาชนติดโซลาร์รูฟได้โดยไม่ต้องรอคิวหรือจำกัดโควตา
ทบทวนโครงสร้างต้นทุนค่าไฟ กับโรงไฟฟ้าเอกชนทุกแห่ง ที่ทำให้รัฐและประชาชนต้องจ่ายแพงกว่าความเป็นจริง
แล้วสิ่งที่พีระพันธุ์พูด…จะกลายเป็นการเปลี่ยนจริงหรือแค่คำสวย ๆ อีกครั้ง?
ประชาชนได้ยินคำว่า “จะรื้อสัญญา” มาหลายรอบแล้ว
ได้ยินคำว่า “ต้องลดต้นทุนให้สะท้อนความเป็นจริง” มาหลายปีแล้ว
แต่สิ่งที่พวกเขารอ…
ไม่ใช่คำพูดที่ฟังดี แต่การลงมือที่ทำจริง
และนี่คือจุดท้าทายของรัฐบาล
ว่าจะกล้าเปลี่ยน “โครงสร้างที่ซ่อนทุน”
ให้เป็น “ระบบที่ยุติธรรมต่อประชาชน” ได้จริงหรือไม่—
ก่อนที่ “ไฟฟ้าแพง” จะกลับมาอีกในรอบหน้า พร้อมกับคำสัญญาเดิม ๆ ที่ประชาชนคงไม่อาจเชื่อได้