วันนี้ กรรมการ 10 คน นัดถกอีกครั้ง
หลังแพทยสภายืนยันไม่ส่งเอกสารเพิ่ม
วันนี้ (26 พ.ค. 2568) คณะกรรมการพิเศษ 10 คน ที่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และสภานายกพิเศษแพทยสภา แต่งตั้งขึ้น จะประชุมอีกครั้ง เพื่อพิจารณากรณีที่แพทยสภามีมติลงโทษแพทย์ 3 ราย จากเหตุการณ์การดูแลอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร บนชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ
นี่คือการประชุมรอบที่สอง หลังจากเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม คณะกรรมการได้มีมติขอเอกสารเพิ่มเติมจากแพทยสภา โดยให้เหตุผลว่ากระบวนการสอบสวนยังไม่ครบถ้วน แต่แพทยสภายืนยันชัดว่า “ไม่ส่ง” โดยอ้างอิงว่าการดำเนินการเป็นไปตามกฎหมายครบถ้วนแล้ว
⸻
ย้อนเส้นเวลา: จากมติแพทยสภา สู่แรงสั่นสะเทือนทางการเมือง
• 8 พ.ค. 2568 – แพทยสภามีมติลงโทษแพทย์ 3 ราย: ตักเตือน 1 ราย, พักใบอนุญาต 2 ราย
• 14–15 พ.ค. – แพทย์ 2 รายที่ถูกพักใบอนุญาตฯ ยื่นเรื่องขอความเป็นธรรมต่อ รมว.สาธารณสุข
• 15 พ.ค. – แพทยสภาส่งมติให้ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ในฐานะ “สภานายกพิเศษแพทยสภา”
• 16 พ.ค. – สมศักดิ์แต่งตั้ง คณะกรรมการพิเศษ 10 คน เพื่อพิจารณาประกอบการตัดสินใจ
• 20 พ.ค. – กรรมการประชุมและมีมติขอเอกสารเพิ่มเติมจากแพทยสภา
• 23 พ.ค. – แพทยสภายืนยันไม่ส่งเอกสารเพิ่มเติม
• 26 พ.ค. – กรรมการ 10 คนประชุมรอบที่สองโดยไม่มีเอกสารใหม่
• 27 พ.ค. – คณะกรรมการจะสรุปความเห็นส่งให้สมศักดิ์
• 30 พ.ค. – ครบกำหนด 15 วัน ที่ รมว.สาธารณสุขต้องตัดสินใจ “เห็นชอบ” หรือ “ไม่เห็นชอบ” กับมติแพทยสภา
⸻
มีอำนาจ…แต่ไม่ใช่อำนาจชี้ขาด
แม้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขจะมีสถานะเป็น “สภานายกพิเศษ” และสามารถ “ไม่เห็นชอบ” กับมติของแพทยสภาได้ตามมาตรา 25 ของ พ.ร.บ. วิชาชีพเวชกรรม แต่อำนาจนี้ไม่ได้เป็นจุดสิ้นสุดของกระบวนการ
หากรัฐมนตรีไม่เห็นชอบ แพทยสภายังสามารถ “ยืนยันมติเดิม” ได้อีกครั้ง โดยต้องใช้เสียงเห็นชอบไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 จากที่ประชุม และเมื่อนั้น มติของแพทยสภาจะมีผลสมบูรณ์ตามกฎหมายทันที แม้รัฐมนตรีจะยังไม่เห็นด้วยก็ตาม
เจตนารมณ์ของกฎหมายจึงไม่ได้เปิดช่องให้ฝ่ายการเมืองล้มมติวิชาชีพ แต่เพียง “แตะไว้” เพื่อให้ฝ่ายบริหารสามารถตรวจสอบในระดับสมดุล ไม่ใช่แทรกแซงโดยตรง
⸻
ไม่ใช่แค่สามหมอ – แต่คือระบบจริยธรรมทั้งองค์กร
เสียงจากแพทย์อาวุโส รวมถึงกลุ่มแพทย์รุ่นใหม่อย่าง “หมอจุฬาไม่ทน” ออกมาสนับสนุนมติของแพทยสภา พร้อมวิพากษ์การใช้อำนาจของสมศักดิ์ว่า หากการใช้ตำแหน่งรัฐมนตรีถูกนำมาใช้เพื่อเอื้อประโยชน์ให้บุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ ก็เท่ากับทำลายความเชื่อมั่นต่อระบบจริยธรรมทั้งองค์กร
⸻
30 พ.ค. จะเป็นวันตัดสินใจ…ว่าอำนาจรัฐมนตรี จะเคารพมติแพทยสภา หรือพยายามกดทับด้วยอำนาจการเมือง
หากสมศักดิ์ใช้สิทธิวีโต้ แต่มติถูกยืนยันด้วยเสียงสองในสามจากแพทยสภาอีกครั้ง คำถามสุดท้ายก็จะย้อนกลับไปถึง “ผู้ใช้อำนาจ” ว่า “คุณใช้ช่องทางในกฎหมาย เพื่อรักษาความถูกต้อง หรือเพื่อรักษาผลประโยชน์ให้ใคร?”