ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กก.3 บก.ปอท. จับกุม นายวินัย หรือ เปรี้ยว อายุ 37 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ต้องหาว่า กระทำความผิดฐาน “ส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ, ร่วมกันเป็นอั้งยี่, ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น, โดยทุจริตหรือหลอกลวง ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, สมคบโดยตกลงตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้สมคบกันและร่วมกันฟอกเงิน”
จากการให้การเบื้องต้น นายวินัยให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยรับว่าเคยรับจ้างเปิดบัญชีม้า ตั้งแต่ช่วงปี 2566 เมื่อบัญชีถูกอายัด และรู้ว่าบัญชีถูกไปใช้เป็นบัญชีม้าให้แก๊ง Call Center จึงไม่กล้ากลับประเทศไทย เนื่องจากกลัวว่าจะถูกจับกุม จึงผันตัวเป็นพ่อบ้าน คอยเฝ้าบัญชีม้าที่รอสแกนหน้า ที่ออฟฟิศซานโฮ ฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา โดยได้รับเงินเดือนจากบอสจีน เดือนละ 15,000 บาท
โดยมีวิธีการ เมื่อบัญชีม้าที่เคยมาสแกนหน้ากลับไป และหาบัญชีม้ามาเพื่อส่งออฟฟิศดังกล่าวจะติดต่อผ่านผู้ต้องหาซึ่งจะได้รับค่านายหน้าบัญชีละ 1,000 บาท โดยทำมาแล้วเกือบ 2 ปี มีบัญชีม้าที่ชักชวนมาจากทั่วจังหวัดนครราชสีมา กว่า 200 ราย และเมื่อเจ้าหน้าที่มีการเข้าปราบปรามที่ออฟฟิศฝั่งปอยเปต เมื่อช่วงต้นปี 2568 ทำให้ออฟฟิศปิด จึงได้ข้ามแดนผ่านช่องทางธรรมชาติกลับเข้ามาประเทศไทย และถูกจับกุมได้ที่ จ.นครราชสีมา ขณะกำลังพาบัญชีม้าเปิดบัญชีและทำแอปฯธนาคาร