กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ออกแถลงการณ์ตอบโต้กระแสข่าวที่ระบุว่า นายณฐพร (สงวนนามสกุล) หนึ่งในผู้ต้องหาคดีฟอกเงินการขายที่ดินของนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น มูลค่า 477 ล้านบาท ยังไม่ถูกดำเนินคดี ทั้งที่คดีมีคำสั่งฟ้องมาตั้งแต่ปี 2560 โดยยืนยันว่า คดียังอยู่ในขั้นตอนดำเนินการตามกฎหมายอย่างต่อเนื่อง และยังไม่หมดอายุความ
กรณีนี้กลายเป็นประเด็นขึ้นมาอีกครั้งหลังจากทีมกฎหมายพรรคภูมิใจไทยและสมาชิกวุฒิสภาที่ถูกตรวจสอบในคดี “ฮั้วโหวต ส.ว.”ออกมาเปิดเผยเอกสารของอัยการ ที่เร่งรัดให้ DSI ติดตามตัวนายณฐพร โตประยูร เพื่อดำเนินคดีก่อนหมดอายุความ ซึ่งถูกตีความว่าเป็นความพยายามเอาคืนทางการเมือง หลังจากที่นายณฐพร เป็นผู้ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้พิจารณายุบพรรคภูมิใจไทย จากกรณี ส.ว. เลือกกันเองโดยมีการฮั้วผลประโยชน์
ย้อนคดีฟอกเงินคลองจั่น
สำหรับคดีฟอกเงินที่เกี่ยวข้องกับนายณฐพร เป็นคดีพิเศษที่ 42/2559 โดย DSI กล่าวหานายศุภชัย กับพวกรวม 14 คน ในความผิดฐาน “ร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงิน” ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 โดย DSI ได้สอบสวนและสรุปสำนวนเสนออัยการเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2560
พนักงานอัยการสำนักงานอัยการคดีพิเศษ 4 มีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งหมด โดยบางรายได้ถูกดำเนินคดีต่อศาลและมีการสืบพยานไปแล้ว อย่างไรก็ตาม นายณฐพร ไม่มาตามนัดหมายของอัยการหลายครั้ง ทำให้เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2568 อัยการมีหนังสือให้ DSI ติดตามตัวมาดำเนินคดีภายในอายุความ 15 ปี
หลังจากนั้น DSI ออกหมายเรียก 3 ครั้ง และในวันที่ 2 เมษายน 2568 นายณฐพร ได้ส่งหนังสือแจ้งว่าได้ไปรายงานตัวกับอัยการแล้ว พร้อมแนบสำเนาคำร้องขอเลื่อนนัดฟ้อง โดยระบุว่ากำลังยื่นเรื่องขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุด
ต่อมา เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2568 สำนักงานอัยการคดีพิเศษมีหนังสือขอให้ DSI ดำเนินการติดตามตัวอีกครั้ง โดยได้มีการนัดหมายให้นายณฐพร มาพบภายในวันที่ 28 พฤษภาคมนี้ หากไม่มา DSI จะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
DSI ย้ำ: ดำเนินการต่อเนื่อง – คดียังไม่หมดอายุความ
DSI ยืนยันว่า ได้ปฏิบัติตามคำสั่งของพนักงานอัยการอย่างต่อเนื่อง ไม่มีการละเลยหน้าที่ และคดียังไม่หมดอายุความตามที่มีกระแสข่าวระบุ พร้อมทั้งชี้แจงว่า การติดตามตัวผู้ต้องหาเป็นไปตามขั้นตอนกฎหมาย ไม่ใช่การเลือกปฏิบัติหรือมีแรงจูงใจทางการเมือง
“มิได้เป็นไปตามที่ปรากฏเป็นข่าวแต่อย่างใด” – แถลงการณ์ DSI ระบุทิ้งท้าย