เมื่อคลิปเด็กชายวัย 4 ขวบดูดบุหรี่ใต้สะพานพระราม 8 ถูกแชร์ว่อนในโลกออนไลน์ สังคมสะเทือนใจแทบจะในทันที—เด็กวัยอนุบาลคนหนึ่งพ่นควันบุหรี่ออกจากปากอย่างชำนาญ ข้างๆ มีความเห็นของผู้โพสต์ว่า“ทั้งพ่อทั้งแม่ดูดบุหรี่ ลูกเห็นมันก็ทำตาม”
ไม่นานนัก ทีมงาน “กัน จอมพลัง” พร้อมเจ้าหน้าที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) และตำรวจ สน.ชนะสงคราม เข้าตรวจสอบพื้นที่ พบเด็กอยู่กับพ่อแม่จริงในบริเวณใต้สะพาน พ่อแม่ให้ข้อมูลว่าไม่รู้ว่าใครจุดบุหรี่ให้ลูก และยินยอมให้ พม. รับเด็กไปดูแลชั่วคราวเพื่อจัดระบบชีวิต ก่อนพ่อแม่จะรับกลับคืนในภายหลัง
พื้นที่เสี่ยง… ครอบครัวเปราะบาง… และการเห็นเฉพาะเวลามีคลิป
กรณีนี้สะท้อนปัญหาซ้ำซาก:
เรามักเห็นเด็กเปราะบางเมื่อมีคนแชร์คลิป แต่ก่อนหน้านั้นเขาอยู่ตรงนั้นมานาน—แค่ไม่มีใครหันมอง
ใต้สะพานพระราม 8 ไม่ใช่พื้นที่ใหม่ของปัญหา ที่นั่นมีทั้งวัยรุ่นมั่วสุม คนเร่ร่อน ครอบครัวยากจน และเด็กที่เติบโตท่ามกลางพฤติกรรมเสี่ยง นี่ไม่ใช่เหตุการณ์ “แปลก” แต่คือ “ความปกติที่ไม่ควรปกติ”
ระบบดูแลเด็กต้องลึกกว่าแค่การตอบสนอง
ประเทศไทยมีกฎหมายคุ้มครองเด็ก และมีกรมกิจการเด็กและเยาวชน (ดย.) ที่เป็นหน่วยงานหลักด้านนี้—นี่อาจเป็นจังหวะที่ดีที่กรมฯ จะขยับจากการตอบสนองเฉพาะหน้า ไปสู่ระบบที่มองเห็นก่อนเกิดปัญหา
ที่ผ่านมา กรมกิจการเด็กฯ มีภารกิจในการดูแลเด็กกลุ่มเปราะบางและดำเนินงานได้อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นกรณีเด็กไร้ที่พึ่ง เด็กตกหล่น หรือเด็กที่อยู่ในสถานการณ์เสี่ยงต่าง ๆ
แต่หากจะต่อยอดจากการช่วยเหลือรายกรณี ไปสู่การป้องกันเชิงระบบ นี่อาจเป็นจังหวะที่เหมาะสมในการเสริมบทบาทของกรมฯ ให้เป็นผู้ออกแบบกลไกเชิงรุก ที่ปกป้องเด็กได้แม้ในพื้นที่ที่รัฐยังเข้าไม่ถึง
เสริมบทบาทกรมกิจการเด็กฯ ในฐานะผู้ออกแบบระบบดูแลเด็กเชิงป้องกัน
- จัดทีม “ครอบครัวเปราะบางเชิงพื้นที่” ทำงานร่วมกับ อปท., มูลนิธิ, อาสาสมัคร
- พัฒนาระบบเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงถาวร เช่น ใต้สะพาน วงเวียน ตลาดกลางคืน
- เปิดช่องทางแจ้งเหตุแบบเข้าถึงง่าย (Line, QR code, แอปฯ) ที่คนไม่ต้องกลัวหรือมีพิธีการ
- สื่อสารสาธารณะต่อเนื่อง เพื่อเปลี่ยนจากการซ้ำเติมพ่อแม่ เป็นการเสริมพลังและสร้างโอกาสฟื้นตัว
- ออกแบบ “แผนฟื้นฟูครอบครัว” สำหรับเคสที่พร้อมเปลี่ยนแปลง
ไม่ใช่แค่ช่วยครั้งเดียว แต่ช่วยให้ชีวิตเดินต่อได้
เหตุการณ์นี้อาจดูเหมือนเล็ก แต่ในสายตาของเด็กคนหนึ่ง นี่คือชีวิตที่เขารู้จัก นี่คือพื้นที่ที่เขาเติบโต
การที่กรม พม. และภาคีภายนอกเข้ามาได้ทันเวลา ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี
ถ้าระบบสามารถเข้าไปก่อนกล้องโทรศัพท์มือถือ เราอาจช่วยเด็กได้มากกว่านี้อีกหลายคน
เพราะใต้สะพานมีเด็ก… และใต้ระบบ ต้องไม่มีรูรั่วอีกต่อไป