หลังสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สภาพัฒน์ แถลงผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศไทย หรือ GDP ไตรมาส 3/2567 ว่าเศรษฐกิจไทยขยายตัว 3% ดีขึ้นกว่า 2 ไตรมาสแรก หลังการบริโภคภาคเอกชน การใช้จ่ายภาคบริการ ภาคการก่อสร้าง การส่งออกขยายตัว รวมถึงรายได้การท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 1.5 ล้านล้านบาท ทำให้คาดทั้งปี 2567 จะขยายตัวได้ 2.6 %
นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และประธานกรรมการด้านวิชาการพรรคพลังประชารัฐ บอกจากข้อมูลดังกล่าวชี้ชัดว่าการแจกเงินกระตุ้นเศรษฐกิจเฟสแรก 1.4 แสนล้านบาทแป๊กไม่มีชิ้นดี เพราะจากตัวเลขอุปโภคบริโภค ทั้งที่มีแรงส่ง 1.4 แสนล้านบาท แต่ก็ต่ำกว่าไตรมาสก่อน ส่วนที่ GDP สูงกว่า 2 ไตรมาสแรก เป็นผลจากอุปโภคบริโภคภาครัฐบาล การลงทุน การส่งออก-นำเข้าเป็นสำคัญ
นายธีระชัยสรุปว่า พายุหมุน 4 ลูกที่รัฐบาลหวัง จึงเป็นเพียงแค่ลมโชย และสะท้อนว่าเศรษฐกิจให้โอกาสแก่ครัวเรือนระดับล่างน้อยเกินไป กระจุกอยู่ในระดับชั้นบนเป็นหลัก ถ้ารัฐบาลยังดันทุรังแจกเงินเพื่ออุปโภคบริโภค หวังผลกระตุ้นเศรษฐกิจอีก ก็แค่ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ
พร้อมระบุผลอย่างเดียวที่เกิดขึ้น คือความพอใจของผู้รับเงิน เป็นประโยชน์ต่อความนิยมในพรรคเพื่อไทยพรรคเดียว แต่สร้างปัญหาในแง่หนี้สาธารณะ ไม่แก้ปัญหาโครงสร้างอย่างจริงจัง