“เมื่อรัฐจองไฟฟ้าล่วงหน้าเกินพอดี ประชาชนต้องจ่ายค่าไฟแพง ทั้งที่ไม่เคยเปิดใช้ไฟนั้นจริง”
สำรองไฟฟ้าคืออะไร? เหตุใดจึงกลายเป็นภาระ
ในระบบไฟฟ้าของประเทศไทย จะต้องมีกำลังผลิตสำรอง (Reserve Margin) เผื่อไว้สำหรับช่วงที่ความต้องการใช้ไฟพุ่งสูงสุด หรือกรณีโรงไฟฟ้าบางแห่งมีปัญหา ซึ่งมาตรฐานโลกกำหนดไว้ที่ประมาณ 15% ของความต้องการสูงสุด (peak demand)
แต่ประเทศไทยกลับมี กำลังผลิตสำรองมากกว่า 40% ในหลายช่วงปี นั่นหมายถึงมีโรงไฟฟ้าจำนวนมากที่ “จ่ายไฟเข้าระบบน้อยมาก หรือแทบไม่ได้เดินเครื่องเลย” แต่รัฐก็ยังต้องจ่ายเงินให้เอกชนเจ้าของโรงไฟฟ้าเหล่านั้น เพราะเซ็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้าแบบ “Take or Pay” – ไม่ซื้อก็ต้องจ่าย
⸻
กำลังผลิตล้นเกินมาจากไหน?
- คาดการณ์ดีมานด์เกินจริง:
รัฐเคยประเมินว่าเศรษฐกิจจะเติบโตเร็ว ความต้องการใช้ไฟจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แต่ความจริงกลับโตช้ากว่าคาด ทำให้กำลังผลิตที่วางแผนไว้เกินความจำเป็น - แผน PDP ที่เน้นสร้างมากกว่าใช้:
แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า (PDP) มักวางบนฐาน “ความมั่นคง” โดยไม่มีการทบทวนเพียงพอว่าโรงไฟฟ้าที่จองไว้จำเป็นหรือไม่ ส่งผลให้โรงไฟฟ้าเอกชนทยอยเข้าระบบ แม้ไม่ต้องการไฟเพิ่มแล้ว - โครงสร้างตลาดที่เอื้อเอกชน:
กฟผ. เป็นผู้ผลิตรายใหญ่ แต่มีข้อจำกัดในการลงทุนเพิ่ม ขณะที่โรงไฟฟ้าเอกชนทั้ง IPP และ SPP ได้สิทธิผลิตไฟขายยาวนานเป็นสิบปี พร้อม “ค่าความพร้อมจ่าย” (Availability Payment) ที่รัฐต้องจ่ายต่อเนื่อง
⸻
ใครได้ประโยชน์?
- กลุ่มทุนโรงไฟฟ้าเอกชน
รับผลตอบแทนแน่นอน ไม่ว่าจะขายไฟได้หรือไม่ เพราะรัฐจ่ายค่าความพร้อมจ่ายตามสัญญา
ตัวอย่างเช่น บางโรงไฟฟ้ามีกำลังผลิต 1,200 MW แต่เดินเครื่องจริงปีละไม่กี่วัน – รัฐก็ยังต้องจ่ายเต็ม - นักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์
บริษัทรายใหญ่ในธุรกิจโรงไฟฟ้ามีรายได้มั่นคง กำไรเติบโตแม้เศรษฐกิจซบ – เพราะรัฐการันตีรายได้ - บางกลุ่มผู้วางแผนพลังงาน
ที่มีสายสัมพันธ์กับภาคธุรกิจ และอาจมีผลประโยชน์ทับซ้อนในการผลักดันโรงไฟฟ้า
⸻
แล้วใครจ่ายบิล?
- ประชาชน
จ่ายค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้น ทั้งผ่านค่า Ft และต้นทุนค่าไฟเฉลี่ยที่สูงจากภาระ “ไฟฟ้าที่ไม่ได้ใช้” - ภาคธุรกิจ SME
ต้องแบกรับต้นทุนค่าไฟในการผลิตสินค้า ซึ่งทำให้เสียเปรียบในตลาดโลก เมื่อเทียบกับประเทศที่มีระบบไฟฟ้าคุ้มค่ากว่า - ภาครัฐเองในฐานะผู้ใช้งบอุดหนุนพลังงานบางส่วน
เช่น งบช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง – แทนที่จะนำงบไปลงทุนด้านอื่น เช่น สุขภาพ การศึกษา หรือระบบขนส่งมวลชน
⸻
จะเดินหน้าอย่างไรให้ไม่ติดกับดัก “ไฟฟ้าล้นแต่คนจนยังจ่ายแพง”?
• ทบทวนแผน PDP อย่างจริงจัง
ต้องวางแผนพลังงานจากความต้องการจริง (demand-based) ไม่ใช่แค่เป้าทางการเมืองหรือผลประโยชน์เชิงธุรกิจ
• เปิดเผยสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA)
เพื่อให้สังคมตรวจสอบได้ว่า ภาระของรัฐและประชาชนมาจากไหน และเงื่อนไขใดเอื้อใคร
• เพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนแบบไม่ต้อง Take or Pay
เช่น โซลาร์รูฟท็อปที่กระจายอำนาจการผลิตไปสู่ประชาชน ไม่ใช่ผูกขาดกับทุนใหญ่
• ปฏิรูปการกำกับดูแลของหน่วยงานพลังงาน
โดยเฉพาะให้ประชาชนมีเสียงใน กพช. และ กฟผ. เพื่อไม่ให้การวางแผนอยู่ในมือไม่กี่กลุ่ม
“โรงไฟฟ้าไม่ต้องเดินเครื่อง…แต่บัญชีเดินเห็นกำไรทุกปี แผนพลังงานที่ดี ไม่ใช่แผนที่ทำให้ประชาชนจ่ายแพง แล้วกำไรแรง ๆ ไปอยู่กับนายทุน”