“มีคนบอกว่าผมโกง โกงพ่อมึงสิ ผมเข้าการเมืองมาเมื่อ 30 ปีที่แล้ว ตอนนั้นประกาศทรัพย์สินทั้งที่ ป.ป.ช. ไม่บังคับ ผมประกาศมีทรัพย์สินกว่า 6 หมื่นล้านบาท เพราะทำธุรกิจมา สร้างเนื้อสร้างตัวมา วันนี้โดนยึดไป 46,000 ล้านบาท ยังไม่ร้องสักคำเลย คำก็โกง สองคำก็โกง ก็มึงตั้งคณะกรรมการเฮงซวยมาสอบกู ตอนที่กูรวย มึงยังเพิ่งขอตังค์พ่อใช้อยู่เลย”
เป็นส่วนหนึ่งในคำปราศรัยวันนี้ (20 ม.ค.68) ของนายทักษิณ ชินวัตร บิดา น.ส.แพทองธาร นายกฯ ที่โรงฝึกกีฬาอเนกประสงค์ สถาบันการพลศึกษา วิทยาเขตมหาสารคาม อ.เมือง จ.มหาสารคาม โดยส่วนใหญ่ในการปราศรัยเน้นไปที่ความสำเร็จของพรรคไทยรักไทยในอดีต แต่ทุกอย่างชะงักงันไปหลังจากเขาต้องไปอยู่ต่างประเทศ 17 ปีอ้างว่าเพราะถูกคณะปฏิวัติไล่ แต่ในความเป็นจริงหลังการรัฐประหารปี 2549 เมื่อพรรคพลังประชาชนได้อำนาจ นายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกฯ “ทักษิณ” ได้กลับประเทศไทยในปี 2551 ก่อนจะหนีคดีที่ดินรัชดาไปต่างประเทศอีกครั้งและกลับประเทศไทยเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2566
ในคำปราศรัยของ “ทักษิณ” ยังใช้คำพูดดุเดือดว่า “วันนี้ผมกลับมาแล้ว ต้องเอาความมั่งคั่งของคนไทยกลับคืนมาให้ได้ จากไป 17 ปี ไอ้พวกปฏิวัติไล่ผมไป นึกว่าจะทำให้บ้านเมืองดีขึ้น แต่กลับแย่ลงและเกิดควายโผล่มาหลายตัว ควายเขาเก คอยไล่ขวิดอยู่เรื่อย จะทำเรื่องใหม่ ๆ ก็มีคนคัดค้านมาก อย่างพวกขาประจำแค่หายใจก็ผิด ผมเข้าการเมืองมาเมื่อ 30 ปีที่แล้ว ตอนนั้นประกาศทรัพย์สินทั้งที่ ป.ป.ช. ไม่บังคับ ผมประกาศมีทรัพย์สินกว่า 6 หมื่นล้านบาท เพราะทำธุรกิจมา สร้างเนื้อสร้างตัวมา วันนี้โดนยึดไป 46,000 ล้านบาท ยังไม่ร้องสักคำเลย คำก็โกง สองคำก็โกง ก็มึงตั้งคณะกรรมการเฮงซวยมาสอบกู ตอนที่กูรวย มึงยังเพิ่งขอตังค์พ่อใช้อยู่เลย”
สำหรับ “ทักษิณ” ถูกศาลฎีกาฯ ตัดสินจำคุก 3 คดี คือ คดีสั่งการให้เอ็กซิมแบงก์ปล่อยกู้เมียนมา 3 ปี, คดีหวยบนดิน 2 ปี และคดีแก้ไขสัมปทานกิจการโทรคมนาคมเอื้อประโยชน์ บมจ.ชินคอร์ปอเรชั่น 5 ปี รวมโทษที่นับต่อกันเป็นระยะเวลา 8 ปี แต่ “ทักษิณ” ทำเรื่องถวายฎีกาของพระราชทานอภัยโทษ และ ได้รับพระราชทานอภัยลดโทษจาก 8 ปี เหลือ 1 ปี โดยเนื้อหาในพระบรมราชโองการ พระราชทานอภัยลดโทษ “ทักษิณ” มีความตอนหนึ่งระบุว่า
“…ความว่าเคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่บริหารราชการแผ่นดิน ทำคุณประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน มีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เมื่อถูกดำเนินคดีและศาลมีคําพิพากษาให้ลงโทษจําคุกดังกล่าว ด้วยความเคารพในกระบวนการยุติธรรม ยอมรับผิดในการกระทำ มีความสํานึกในความผิด จึงขอรับโทษตามคําพิพากษา ขณะนี้อายุมาก มีปัญหาสุขภาพเจ็บป่วยต้องเข้ารักษาพยาบาลจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญนั้น…”
ชัดเจนว่า “ทักษิณ” ระบุเคารพในกระบวนการยุติธรรม ยอมรับผิดในการกระทำ มีความสํานึกในความผิด จึงขอรับโทษตามคําพิพากษา แต่ในการปราศรัยหลายครั้ง “ทักษิณ” ยังคงยืนยันไม่ได้ทำผิด