วันที่ 29 สิงหาคม 2567 – เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เผยแพร่ความคืบหน้าคดีสำคัญ กรณีนายเต็ม พลรัตน์ อดีตนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ป่าแฝก อำเภอพรเจริญ จังหวัดบึงกาฬ และพวก ถูกกล่าวหาทำสัญญาจ้างพนักงานจ้างตามภารกิจตำแหน่งพนักงานขับรถยนต์ แต่ให้บุคคลอื่นมาปฏิบัติหน้าที่แทน
คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ลงมติชี้มูลความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151, 157 ประกอบมาตรา 91, 86 และตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2561 ซึ่งคดีนี้ถูกส่งต่อให้ศาลพิจารณา
ศาลพิพากษา จำคุกสูงสุด 50 ปี
ล่าสุด เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2567 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 4 มีคำพิพากษาดังนี้
นายสฤษดิ์ สุพร (จำเลยที่ 1) มีความผิดตามกฎหมาย ลงโทษจำคุกกระทงละ 5 ปี รวม 23 กระทง เป็นโทษจำคุก 115 ปี
นายทองดำ หรือทองคำ บุญญาพิทักษ์ (จำเลยที่ 2) มีความผิดตามกฎหมาย ลงโทษจำคุกกระทงละ 3 ปี 4 เดือน รวม 59 กระทง แต่เนื่องจากมีการลดโทษหนึ่งในสาม คงเหลือจำคุกกระทงละ 2 ปี 2 เดือน 20 วัน รวมเป็น 118 ปี 157 เดือน 10 วัน
อย่างไรก็ตาม เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้ว ให้จำคุกจำเลยทั้งสองสูงสุดตามกฎหมาย คนละ 50 ปี ตามหลักเกณฑ์ของกฎหมายไทย
คดียังไม่สิ้นสุด จำเลยยังสามารถอุทธรณ์ได้
แม้ว่าศาลจะมีคำพิพากษาดังกล่าว แต่คดียังไม่ถึงที่สุด จำเลยทั้งสองยังมีสิทธิ์ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลที่สูงขึ้นเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตน
ก่อนหน้านี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีการประชุมเมื่อวันที่ 27 มกราคม 2567 และมีมติเห็นชอบตามที่อัยการสูงสุด (อสส.) พิจารณาว่าจะ ไม่อุทธรณ์คำพิพากษา
โทษตามมาตรา 151 ของประมวลกฎหมายอาญา
สำหรับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 ระบุว่า
“ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาล หรือเจ้าของทรัพย์นั้น ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท”