ในรายการ “เที่ยงเปรี้ยงปร้าง” ที่ดำเนินรายการโดยสมจิตต์ นวเครือสุนทร นายสมชาย แสวงการ อดีตสมาชิกวุฒิสภา ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับนโยบายของรัฐบาลที่อ้างว่าต้องการสร้างสถานบันเทิงครบวงจร แต่แท้จริงแล้วมุ่งเน้นไปที่การเปิดกาสิโน
ความแตกต่างระหว่างโมเดลสิงคโปร์กับไทย
นายสมชายชี้ให้เห็นว่า รัฐบาลไทยนำโมเดลของสิงคโปร์มาอ้างอิง แต่กลับมีความแตกต่างอย่างชัดเจน ในสิงคโปร์ เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์มีขนาด 500,000-600,000 ตารางเมตร โดยพื้นที่กาสิโนไม่เกิน 3% หรือประมาณ 15,000 ตารางเมตร และอนุญาตให้มีเพียง 2 แห่งเท่านั้น ขณะที่รัฐบาลไทยกลับเสนอให้มีถึง 8 แห่ง และกำหนดพื้นที่กาสิโนถึง 10% ของโครงการ นายสมชายตั้งคำถามว่า “แบ่งเค้กกันแล้วใช่หรือไม่?”
ข้อสงสัยเกี่ยวกับผลประโยชน์และการเจรจากับนักลงทุน
นายสมชายยังตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับการเจรจาระหว่างรัฐบาลกับนักลงทุนกาสิโนจากมาเก๊าและฮ่องกง โดยถามว่า “คนที่ไปคุยกับเจ้าพ่อกาสิโนที่มาเก๊า…ได้ค่าคอมมิชชั่นเท่าไหร่? ถือหุ้นเท่าไหร่? แบ่งให้พรรคร่วมรัฐบาลกี่ใบ?” นอกจากนี้ เขายังชี้ถึงพื้นที่ต่าง ๆ เช่น อู่ตะเภา สวนน้ำภูเก็ต เชียงใหม่ และท่าเรือคลองเตย ว่ามีนายทุนและผู้ได้รับประโยชน์รออยู่แล้ว
คำเตือนจากประธานาธิบดีสี จิ้นผิง
นายสมชายเล่าว่า นายกรัฐมนตรีไทยได้หารือกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีนเกี่ยวกับกาสิโน และได้รับคำเตือนว่า “มันอันตราย” เนื่องจากจีนไม่สนับสนุนการพนันและกำลังปราบปรามอย่างเข้มงวด
เงื่อนไขการเข้ากาสิโนที่ขัดแย้ง
ส่วนกรณีที่นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ระบุว่า ร่างกฤษฎีกาที่กำหนดว่าคนไทยที่จะเข้ากาสิโนต้องมีเงินในบัญชี 50 ล้านบาทนอนนิ่ง ๆ เป็นเวลา 6 เดือน ขัดกับหลักคิดของรัฐบาล ที่ต้องการแก้ปัญหาคนไทยไปกาสิโนประเทศเพื่อนบ้านนั้น นายสมชาย เห็นว่าเป็นความคิดที่สับสนและย้อนแย้ง เพราะก่อนหน้านี้รัฐบาลอ้างว่าไม่ต้องการให้คนไทยไปเล่นกาสิโน แต่เมื่อกฤษฎีกากำหนดเงื่อนไขที่ทำให้คนไทยเข้าถึงได้ยาก กลับแสดงความไม่เห็นด้วย พร้อมแสดงจุยืนว่า เขาเห็นด้วยกับร่างของกฤษฎีกา และจะให้ดีกว่านั้นควรตรวจสอบภาษีย้อนหลัง 3 ปี และเก็บภาษีรายปีเพิ่มเติม ป้องกันการฟอกเงิน แต่ย้ำว่า “ได้ไม่คุ้มเสีย ควรเลิกดีกว่า อย่าทำเลยครับ”
บทเรียนจากประวัติศาสตร์
นายสมชาย ยังย้อนไปถึงสมัยรัชกาลที่ 5 ที่ทรงยกเลิกการพนันหลังพบว่าคนไทยติดพนันจนขายที่ดินและไร่นา แม้รัฐบาลสยามในขณะนั้นจะมีรายได้จากกาสิโนปีละ 600,000 บาท แต่พระองค์ก็ทรงเห็นถึงความเสียหายและสั่งให้เลิก เขาเตือนว่ารัฐบาลไทยกำลังสร้าง “ผีพนัน” ให้กับประเทศ และเรียกร้องให้ยกเลิกนโยบายนี้