สมศักดิ์–คณะกรรมการพิเศษ สะสมอาวุธก่อนศึกศาลฎีกา 13 มิ.ย.
แม้มติลงโทษแพทย์ 3 คนจากกรณีดูแลนายทักษิณ ชินวัตร ที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ จะออกมาแล้วจากแพทยสภา และรมว.สาธารณสุข นายสมศักดิ์ เทพสุทิน กำลังจะตัดสินใจว่าจะยับยั้งหรือเห็นชอบภายในวันที่ 30 พ.ค.นี้
แต่สิ่งที่หลายคนอาจมองข้ามคือ—นี่ไม่ใช่จุดจบของเรื่อง
เพราะแม้รัฐมนตรีจะวีโต้ แพทยสภายังสามารถใช้ “มติ 2 ใน 3” ยืนยันมติเก่าได้ตามกฎหมาย
สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นจึงไม่ใช่แค่การตัดสินแพทย์
แต่คือความพยายามทำลายความน่าเชื่อถือของแพทยสภาเพื่อจัดฉากล่วงหน้าสำหรับศึกที่ใหญ่กว่า
นั่นคือการไต่สวนของศาลฎีกาฯ ในวันที่ 13 มิ.ย.นี้
ย้อนเหตุผลศาลฎีกาสั่งไต่สวนเอง: ไม่ใช่คดีเลื่อนลอย แต่มี “ความปรากฏตามคำร้อง”
การที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองออกคำสั่งไต่สวนด้วยตนเองไม่ใช่เรื่องธรรมดา
คำร้องที่นำไปสู่คำสั่งดังกล่าว มาจากนายชาญชัย อิสระเสนารักษ์อดีต ส.ส. นครนายก พรรคประชาธิปัตย์
โดยระบุว่า:
- กระบวนการบังคับโทษทักษิณอาจผิดขั้นตอนตาม ป.วิ.อาญา มาตรา 246
- ซึ่งกำหนดว่าต้องได้รับอนุญาตจากศาลก่อนนำตัวนักโทษออกจากเรือนจำไปรักษาแต่ในกรณีนี้ไม่มีคำสั่งศาลใดปรากฏ
- ระยะเวลาที่นายทักษิณพักรักษาตัวนานถึง 181 วันในโรงพยาบาลตำรวจนั้นเกินปกติและขาดการตรวจสอบ
- อาการป่วยของทักษิณยังมีข้อกังขาจากสังคมว่าป่วยจริงหรือ “ป่วยทิพย์”
ศาลเห็นว่า มี “ข้อเท็จจริงอันควรรับฟัง” จึงมีคำสั่งให้มีการไต่สวนด้วยตัวเอง เพื่อพิสูจน์ว่า
มีเจ้าหน้าที่ระดับสูง หรือหน่วยงานของรัฐใด ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือไม่
มติแพทยสภาคือหลักฐานหนึ่งในคดีศาล แต่กำลังถูกทำให้พร่า
มติของแพทยสภาที่ลงโทษแพทย์ 3 ราย ซึ่งระบุชัดว่ามีความผิดจริยธรรมในการให้การรักษาทักษิณ
ถือเป็นพยานเอกสารสำคัญในทางคดีที่ศาลสามารถหยิบไปประกอบการไต่สวน
แต่การที่รัฐมนตรีสาธารณสุขตั้งคณะกรรมการพิเศษขึ้นมาพิจารณาซ้ำ
เรียกเอกสารเพิ่ม
พูดถึงความไม่สมบูรณ์ของกระบวนการ
และโยงไปถึงมาตรา 157
ทั้งหมดนี้กำลังสะท้อน “เจตนา” ที่ชัดเจนในการลดน้ำหนักของมตินั้นก่อนที่ศาลจะเปิดพิจารณาหรือไม่?
เกมกฎหมายที่แท้จริงกำลังจะเริ่มในเดือนหน้า
29 พ.ค.เป็นเส้นตายของการพิจารณาของสภานายกพิเศษซึ่งหากดูท่าทีที่ออกมามีความเป็นไปได้ว่าอาจไม่เพียงแค่วีโต้ แต่ยังทำลายกระบวนการพิจารณาของแพทยสภาว่าเป็นคำสั่งทางปกครองที่ไม่ชอบด้วย หากเป็นเช่นนั้นเผือกร้อนจะถูกโยนกลับไปที่แพทยสภาอีกครั้ง
12 มิ.ย.แพทยสภาจะมีการประชุม หากมีมติสองในสามก็สามารถยืนยันมติเดิมได้ แต่ที่ไม่เหมือนเดิมคือมีความเห็นแย้งของฝั่งรมว.สาธารณสุขมาเสียบเพิ่ม ในกรณีที่มีการวีโต้ และนั่นหมายถึงหลักฐานที่จะไปปรากฏต่อหน้าศาลฯ จะไม่ได้มีเพียงแค่มติแพทยสภาที่เป็นโทษต่อขบวนการชั้น 14 และทักษิณเท่านั้น เดิมพันใหญ่กว่าจึงอยู่ที่ศาลฎีกาฯ
13 มิ.ย.คือสนามต่อสู้ในชั้นศาลฯ ที่ทักษิณต้อชักธงรบเต็มอัตราศึก และขุนพลของเขาอาจกำลังทำหน้าที่อย่างเข้มข้นผ่านคกก.เฉพาะกิจ และสมศักดิ์ อยู่ในขณะนี้
หากศาลฯ เชื่อว่าการไม่ขออนุญาตศาลก่อนพาทักษิณไปรักษานั้นผิดกฎหมายและเจตนาไม่บริสุทธิ์
ผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งระดับเจ้าหน้าที่ แพทย์ ผู้บริหารเรือนจำ และกระทรวง อาจต้องเผชิญกับการดำเนินคดี
และทักษิณ…อาจสิ้นอิสรภาพ ต้องกลับเข้าเรือนจำ
สิ่งที่เกิดขึ้นในกระทรวงสาธารณสุขตอนนี้ จึงไม่ใช่การ “ถ่วงเวลา”
แต่เริ่มถูกตั้งคำถามว่า เป็นการ “ปูพรมเปลี่ยนคำอธิบาย” ก่อนเข้าสู่ห้องไต่สวนหรือไม่?
สมศักดิ์อาจไม่ใช่ปลายทางของคดีนี้…แต่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการเบี่ยงทิศ
การใช้คณะกรรมการพิเศษตรวจสอบกระบวนการย้อนหลัง
อาจถูกวางแผนเพื่อ “ทำลายมติเก่า” หรืออย่างน้อย “ทำให้สังคมไม่เชื่อถือมตินั้น”
เพราะถ้าไม่มีมติจากแพทยสภายืนยันว่าแพทย์ทำผิดจริง
หรือทำให้กระบวนการของแพทยสภามีปัญหาในข้อกฎหมาย
ก็อาจทำลายน้ำหนักข้อกล่าวหาเรื่อง “เอื้อประโยชน์ให้นักโทษ”
อย่ามองแค่ศึกแพทย์ แต่มองให้ถึงศึกในศาลฯ
มติแพทยสภา อาจถูกทำให้พร่า เพื่อให้ศาลฯ ใช้เป็นหลักฐานไม่ได้
คณะกรรมการฯ ที่สมศักดิ์ตั้ง อาจไม่ใช่เพื่อตัดสินความจริง
แต่เพื่อเปลี่ยน “ความจริง” เพื่อประโยชน์ในการต่อสู้คดีของทักษิณ
ใครอยากเห็นระบบวิชาชีพเข้มแข็ง ควรจับตา 3 วันสำคัญนี้:
29 พ.ค. – วัดใจสมศักดิ์
12 มิ.ย.— วัดใจแพทยสภา กรณีสมศักดิ์วีโต้ ว่าจะมีมติสองในสามยืนยันมติเดิมหรือไม่
13 มิ.ย. – วัดใจศาลฯ กระบวนการพิจารณาจะเดินต่อแบบใด
เดิมพันครั้งนี้ไม่ใช่แค่เรื่องส่วนตัวของทักษิณว่าต้องกลับเข้าคุกหรือไม่
แต่ยังมีกระบวนการยุติธรรมที่โยกคลอนมาตลอดจากกรณี “นักโทษเทวดา”
ว่าจะได้รับการสะสาง…ที่ทำให้สังคมคลายข้อกังขาได้หรือไม่?
#ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #แพทองธาร #แพทองธารชินวัตร #ทักษิณ #ทักษิณชินวัตร #แพทยสภา #ป่วยทิพย์ #ชั้น14