วันมูหะมัดนอร์ มะทา หรือ “วันนอร์” ปัจจุบันอายุ 80 ปี เป็นนักการเมืองที่โลดแล่นในสนามอำนาจมาอย่างยาวนาน ตั้งแต่การเป็นแกนนำกลุ่ม “วาดะห์” กลุ่มนักการเมืองมุสลิมที่เคยครองอิทธิพลในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ จนถึงวันที่เขาเปลี่ยนขั้วไปมาตามลูกตุ้มแห่งผลประโยชน์ ก็ทำให้เส้นทางการเมืองของเขาผกผันจนเคยตกต่ำถึงขีดสุดมาแล้ว
ในอดีต วันนอร์และกลุ่มวาดะห์เคยสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ ก่อนจะย้ายไปอยู่กับพรรคความหวังใหม่ และสุดท้ายก็ไหลไปอยู่กับพรรคไทยรักไทยของทักษิณ ชินวัตร หวังจะกอดขาอำนาจให้มั่นคง แต่การตัดสินใจครั้งนั้นกลับเป็นหายนะ เพราะประชาชนในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่เคยลืมเหตุการณ์กรือเซะและตากใบ รวมถึงวาทะ “โจรกระจอก” ที่ทำให้พวกเขาสะบั้นสายสัมพันธ์กับทักษิณ ผลลัพธ์คือการพ่ายแพ้ยับเยินในปี 2548 กลุ่มวาดะห์ถูกกวาดเกลี้ยงไม่ได้สส.เข้าสภาฯ แม้แต่คนเดียว กลายเป็นฝุ่นทางการเมืองที่แทบจะไร้ที่ยืน ก่อนจะถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี จากคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบพรรคไทยรักไทย จากกรณีว่าจ้างพรรคการเมืองขนาดเล็กให้ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งในการเลือกตั้งวันที่ 2 เมษายน 2549 เพื่อหลีกเลี่ยงข้อกำหนดที่ให้ผู้สมัครต้องได้รับคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ของผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขตนั้น ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญ ชี้ว่าเป็นการได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการที่ไม่เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ และเป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐ
พรรคประชาชาติ: สาขาภาคใต้ของเพื่อไทยที่ปฏิเสธไม่ขึ้น
สายสัมพันธ์ระหว่าง “วันนอร์” กับ “ทักษิณ” ไม่เคยขาดสะบั้น แม้จะขาดช่วงกันไปจากอุบัติเหตุทางการเมืองและความจำเป็นในพื้นที่ ที่ประชาชนปฏิเสธชัดเจนว่าไม่เอา “พรรคทักษิณ” ทำให้เขาตัดสินใจนำกลุ่มวาดะห์หนีตายทางการเมือง โบกมือลาพรรคทักษิณ นำไปสู่การก่อตั้งพรรคประชาชาติในปี 2561 โดยมี พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง เป็นเลขาธิการพรรค แม้จะพยายามชูธง “อิสระ” แต่ก็ถูกครหามาโดยตลอดว่า พรรคนี้คือสาขาภาคใต้ของเพื่อไทยแบบเนียน ๆ โดยในการเลือกตั้งปี 2562 พรรคประชาชาติได้ ส.ส. 7 ที่นั่ง (เขต 6 บัญชีรายชื่อ 1) ซึ่งถือว่าไม่น่าประทับใจนัก ในครั้งนั้น “วันนอร์” กอดคอพรรคเพื่อไทยทำหน้าที่ฝ่ายค้านในสภาฯ
แต่แล้วการเลือกตั้งปี 2566 ก็กลายเป็นจุดเปลี่ยน พรรคประชาชาติได้ ส.ส. 9 ที่นั่ง (เขต 7 บัญชีรายชื่อ 2) และวันนอร์ก็ได้ตำแหน่ง ประธานรัฐสภาแบบ “ส้มหล่น” ไม่ใช่เพราะพรรคประชาชาติแข็งแกร่งขึ้น แต่เพราะพรรคเพื่อไทยและก้าวไกลหักเหลี่ยมกันเอง ในที่สุด พรรคประชาชาติที่แทบไม่มีน้ำหนักในเกมการเมือง กลับกลายเป็นตัวเลือกจำเป็นของเพื่อไทย ขณะที่ก้าวไกลได้แต่มองตาปริบ ๆ ถูกเตะออกจากกระดานอำนาจ เกิดรัฐบาลข้ามขั้วที่ทำให้ประชาชนได้แต่ยืนงงในดงอำนาจ
ปมร้อน: คลิปลับ “วันนอร์ – บิ๊กโจ๊ก – ประธาน ป.ป.ช.”
ล่าสุด วันนอร์ปรากฏตัวใน “คลิปลับ” พร้อมกับ สุชาติ ตระกูลเกษมสุข ประธาน ป.ป.ช. และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล (บิ๊กโจ๊ก) ซึ่งทำให้เกิดคำถามว่า การพบกันครั้งนี้เป็นเพียง “การพูดคุยธรรมดา” หรือเป็น “ดีลลับ” เพื่อช่วยสุชาติหลุดจากคำร้องคดีร่ำรวยผิดปกติ?
เมื่อภาพปรากฏต่อสาธารณะ วันนอร์ก็เจอแรงกดดันให้สอบจริยธรรมสุชาติ แต่คำถามที่คนทั้งประเทศอยากรู้คือ “จะสอบกันยังไง? ในเมื่อทั้งคู่ติดอยู่ในคลิปฉาวเดียวกัน”
วันนอร์: นักการเมืองอายุ 80 กับความเสื่อมถอยของอำนาจ
ในวัย 80 ปี วันนอร์อาจแข็งแรงทางร่างกาย แต่เส้นทางการเมืองของเขากลับอ่อนแอลงอย่างรวดเร็ว คลิปลับที่โผล่ออกมาทำให้เขาสูญเสียความชอบธรรมในตำแหน่งประธานรัฐสภา และความใกล้ชิดที่เพิ่มขึ้นกับพรรคเพื่อไทยก็ยิ่งทำให้ฐานเสียงในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้สั่นคลอน
ในขณะเดียวกัน รัฐบาลที่พรรคประชาชาติร่วมสนับสนุนยังออกนโยบายที่ขัดกับศรัทธาของชาวมุสลิม เช่น การผลักดันกาสิโน พนันออนไลน์ถูกกฎหมาย และขายเหล้า 24 ชั่วโมง สิ่งเหล่านี้อาจเป็นชนวนให้ฐานเสียงของพรรคหันหลังให้ในที่สุด
พรรคประชาชาติ: อนาคตที่ไร้หลักยึด
พรรคประชาชาติอาจได้อำนาจมาในปี 2566 แต่คำถามคือ พวกเขาจะรักษามันไว้ได้หรือไม่? จากสามปัจจัยสำคัญ ดังนี้
- ฐานเสียงเดิมเริ่มไม่ไว้วางใจ – เพราะพวกเขาเห็นว่าวันนอร์กลายเป็นแค่เงาของเพื่อไทย
- ความเสียหายจากคลิปลับ – ซึ่งอาจทำให้วันนอร์หมดอนาคตทางการเมืองเร็วกว่าที่คิด
- นโยบายของรัฐบาลที่ขัดกับฐานเสียงหลัก – ทำให้พรรคประชาชาติอยู่ในสถานะลำบาก สุดท้ายแล้ว วันนอร์อาจอยู่รอดในเกมอำนาจได้อีกสักพัก แต่ก็แค่ในฐานะหมากตัวหนึ่งที่ถูกใช้ประโยชน์ไปวัน ๆ แม้พรรคเพื่อไทยจะใช้บริการ แต่ความหมายของนักการเมืองจะหมดลงทันทีที่ประชาชน “หยุดใช้บริการ” เพราะไม่ไว้วางใจอีกต่อไป