นายกฯ อาจถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่
หรือพ้นตำแหน่ง แต่ไม่มีผลต่อการป้องกันประเทศเพราะมีกองทัพทำหน้าที่อยู่แล้ว ”—รศ.ดร. ดุลยภาค ปรีชารัชช นายกสมาคมภูมิภาคศึกษา-อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
เรียบเรียงจากบทสัมภาษณ์ในรายการ “เที่ยงเปรี้ยงปร้าง” ดำเนินรายการโดย “สมจิตต์ นวเครือสุนทร”
———
ตาต่อตา ฟันต่อฟัน: ไทยตีตื้นหลังถูกแบล็กเมล์
จากคลิปเสียง “หลานอิ๊งค์–ลุงฮุน” สู่ฉากการเมืองระหว่างประเทศที่เปลี่ยนทำให้พฤติกรรมผู้นำไทยเปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน จากยอมอ่อนข้อเกรงใจตลอด มาเป็นเนื้อเดียวกับกองทัพ เป็นเกมเอาคืนจากตระกูลชินถึงตระกูลฮุน ซึ่งรศ.ดร. ดุลยภาค ปรีชารัชช วิเคราะห์ว่า ความสัมพันธ์ไทย–กัมพูชาในเวลานี้เข้าสู่ “ยุคตาต่อตา ฟันต่อฟัน” อย่างเต็มรูปแบบ
“ก่อนหน้านี้ ไทยเดินเกมอ่อน ปล่อยให้ตระกูลฮุนใช้เฟซบุ๊กข่มขู่โดยไม่โต้ตอบ แต่คลิปเสียงที่หลุดออกมาบีบให้รัฐบาลแพทองธารพลิกเกมมาใช้แนวรุก เอาคืนกลับ โดยมีท่าทีร่วมมือกับกองทัพเข้มข้นขึ้นชัดเจน ทำให้สถานการณ์ไทยตีตื้นขึ้นจากที่เคยเพลี่ยงพล้ำ”
———
นายกฯ เสี่ยงหลุด–แต่ระบบความมั่นคงไม่สะดุด
ท่ามกลางแรงกดดันจากทุกทิศ ทั้งภายในพรรคร่วม รัฐสภา และคลื่นประชาชน อาจารย์ดุลยภาคประเมินว่า ตัวนายกรัฐมนตรีมีความเสี่ยงสูงที่จะถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่ง “หยุดปฏิบัติหน้าที่” หรือถึงขั้น “พ้นตำแหน่ง” เพราะเสียงในคลิปเป็นของจริง และเจ้าตัวก็ยอมรับ
“แต่ถึงแม้จะเปลี่ยนนายกฯ หรือปรับ ครม. ระบบป้องกันประเทศที่กองทัพดูแลจะยังเดินหน้าต่อได้โดยไม่มีสุญญากาศ เพราะกองทัพคือฟันเฟืองหลักในเรื่องชายแดนและความมั่นคงมาตลอดอยู่แล้ว”
เขาเสริมว่ากัมพูชารู้ดีว่าจุดแข็งของไทยอยู่ที่ไหน จึงพยายามโจมตีกองทัพไทยตลอดเวลา ทั้งในเชิงวาทกรรมและการสร้างเงื่อนไขในพื้นที่พิพาท
———-
แรงต้านจาก “ระบอบฮุน” กำลังเริ่มในกัมพูชา
สิ่งที่น่าจับตาไม่ใช่แค่การตอบโต้จากไทยเท่านั้น แต่อาจารย์ดุลยภาคชี้ว่ากัมพูชาเองก็กำลังเผชิญ “บูมเมอแรง” จากภายใน
“หลังมีการปิดด่าน ชาวกัมพูชาหลายพื้นที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ วิถีชีวิตไม่สุขสบายเหมือนเดิม บางพื้นที่คล้ายย้อนกลับไปยุคสงครามกลางเมือง คำพูดของฮุน มาเนต ที่บอกว่าคนกัมพูชาใช้ตะเกียงได้ ยิ่งไปกระตุ้นความไม่พอใจ เพราะคนเขาไม่ต้องการย้อนยุคไปใช้ชีวิตที่มีความทุกข์แบบนั้นอีกแล้ว”
เขามองว่า กระแสไม่พอใจในหมู่ประชาชนกัมพูชากำลังเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจย้อนกลับไปสั่นคลอนอำนาจของ “ตระกูลฮุน” ได้ในระยะยาว
“ตระกูลชินเริ่มเอาคืนตระกูลฮุนจากปัญหาคลิปหลุด ผู้นำกัมพูชาเสี่ยงเจอบูมเมอแรงย้อนกลับจากความไม่พอใจของประชาชน ที่บางพื้นที่อยู่ในสภาพเหมือนสงครามกลางเมืองในอดีต”
———
ไทยต้องไม่ประมาท พร้อมเปิดฉากทูตเชิงรุก
แม้จะเริ่มตีตื้นขึ้นในเชิงสื่อและจิตวิทยามวลชน แต่ไทยยังไม่อาจวางใจ อาจารย์ดุลยภาคเตือนว่า เราต้องหาพันธมิตรในเวทีระหว่างประเทศเพื่อเตรียมรับมือ หากกัมพูชาเดินเกมถึงศาลโลกอีกครั้ง
“ต้องใช้เรื่องแสกมเมอร์ในกัมพูชาซึ่งเชื่อมโยงกับตระกูลฮุน เป็นประตูในการสร้างแนวร่วมระหว่างประเทศ และโจมตีความน่าเชื่อถือของกัมพูชาในฐานะประเทศศูนย์กลางปราบอาชญากรรมข้ามชาติ นี่คือสะพานที่เราควรใช้เชื่อมพันธมิตร”
———
ด่านถูกปิด–แต่ประตูเจรจาอาจยังเปิด
หากแรงกดดันทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นจนประชาชนกัมพูชาเริ่มตั้งคำถามต่อรัฐบาลตัวเอง อาจนำไปสู่การเจรจาอย่างลับ ๆ หรือสุดท้ายยอมนั่งโต๊ะเจรจา
“ระบอบฮุนอาจต้องหันกลับมาเปิดช่องพูดคุยกับไทยเพื่อผ่อนคลายมาตรการ โดยเฉพาะการปิดด่าน ซึ่งตอนนี้เป็นเดิมพันสำคัญในความมั่นคงภายในของเขาเอง”
แต่ในขณะเดียวกัน หากฝั่งกัมพูชายังเลือกเดินเกมกร้าวแบบรายวัน โอกาสที่ “บูมเมอแรง” จะย้อนกลับมาหาตัวเองก็มากขึ้นเท่านั้น
———
ฉากทัศน์ที่ไม่อยากให้เกิด “ปะทะตามแนวชายแดน”
ในขณะที่พ่อลูกตระกูลฮุน ยังเดินเกมแข็งกร้าว กระตุ้นชาตินิยมในประเทศโดยใช้ไทยเป็นเครื่องมือ ทำให้ตลอดแนวชายแดนที่มีการปิดด่านไปมีความเสี่ยงที่อาจเกิดการปะทะกันได้ โดยเฉพาะบริวณชายแดนอีสานใต้และบูรพา จังหวัดจันทบุรีและตราด เพราะการปิดด่านทั้งหมดคือสัญญาณเตือนว่าขั้นตอนต่อไปอาจมีการใช้กำลังทหารตามมา แต่ถ้าอดทนอดกลั้นกันได้ทั้งสองฝ่ายปัญหานี้ก็จะไม่เกิดขึ้น
“การที่ฮุน เซนและฮุน มาเนต แข็งกร้าวแบบนี้มีข้อเสียเยอะที่จะกัดกร่อนระบบของตัวเอง”
#ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #ตัดน้ำมันกัมพูชา #ปิดด่าน #ฮุนมาเนต #ชายแดนไทยกัมพูชา #ฮุนเซน #ปราสาทตาเมือนธม #ภูมิธรรมเวชยชัย #ตัดไฟฟ้าอินเตอร์เน็ต #ปราบแก๊งคอลเซนเตอร์กัมพูชา