“ถึงแม้ว่าดิฉันจะอายุน้อยกว่าท่าน แต่ดิฉันมั่นใจว่าดิฉันก็เสียภาษีให้รัฐมากกว่าท่านแน่นอนค่ะ”
– แพทองธาร ชินวัตร, 24 มีนาคม 2568
“ผมเสียภาษีเยอะกว่าพวกมันรวมกันทั้งประเทศอีก”
– ทักษิณ ชินวัตร, 9 มีนาคม 2549
สองวรรคทองที่ห่างกันเกือบ 20 ปี
ต่างพูดในวันที่เจ้าตัวถูกกล่าวหาว่า “หลีกเลี่ยงภาษี”
ต่างพยายามใช้ตัวเลขภาษีที่จ่าย…เป็นเกราะคุ้มกันทางศีลธรรม
2549: ขายหุ้น 73,300 ล้านแบบไม่เสียภาษี
ย้อนกลับไปในปี 2549 ทักษิณ ชินวัตร ถูกตั้งคำถามครั้งใหญ่ เมื่อครอบครัวขายหุ้นบริษัทชินคอร์ปให้เทมาเส็กได้เงิน 73,300 ล้านบาท — โดยไม่เสียภาษีแม้แต่บาทเดียว ด้วยการใช้ชื่อของลูก (พิณทองทาและพานทองแท้) เป็นผู้ถือหุ้น ผ่านช่องว่างของกฎหมายในเวลานั้น
แม้จะมีเสียงวิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสม แต่ที่ปรึกษากฎหมายของทักษิณคือ สุวรรณ วลัยเสถียร ได้ออกมาชี้แจงต่อสังคมว่า
“วันนี้ผมไม่ได้มาพูดเรื่องจริยธรรม ต้องขออภัยจริง ๆ ผมก็มั่นใจมากนะ ที่ทำมาก็เรียกว่าตรงไปตรงมา ทุกอย่าง on the table หมดเลยนะครับ”
นั่นคือจุดเริ่มต้นของวาทกรรมใหม่ในสังคมไทย
“ถูกกฎหมายก็พอแล้ว ไม่ต้องพูดเรื่องจริยธรรม”
2568: หนี้ 4,434.5 ล้าน… กับข้อกล่าวหานิติกรรมอำพราง
ตัดภาพกลับมาปี 2568 แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ถูกฝ่ายค้านอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยชี้ว่า อาจ เลี่ยงภาษีการรับให้ ผ่านการออก “ตั๋วสัญญาใช้เงิน” หรือ ตั๋ว PN กับเครือญาติ มูลค่า 4,434.5 ล้านบาท
โดยอ้างว่าเป็น “การซื้อหุ้นด้วยเงินเชื่อ” จากพี่ชาย พี่สาว ลุง ป้าสะใภ้ และแม่ แต่ไม่มีการกำหนดเวลาจ่ายหนี้ ไม่มีดอกเบี้ย และ ยังไม่มีการจ่ายเงินตลอดเกือบ 9 ปี
ฝ่ายค้านตั้งคำถามว่า…
• หากไม่มีการชำระหนี้จริง หนี้นี้คืออะไร?
• การออกตั๋ว PN ทั้ง 9 ฉบับ เป็น “นิติกรรมซื้อขาย” หรือเป็น “นิติกรรมอำพราง” เพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษีการรับให้?
ขณะที่ แพทองธาร ชี้แจงว่า “…การซื้อขายหุ้นผ่านตั๋ว PN ยังไม่มีการชำระเงิน ไม่ต้องจ่ายภาษี เพราะไม่ทราบจำนวนและเสียภาษีไม่ได้ ตั๋ว PN ไม่ใช่เรื่องใหม่ ทำกันเป็นเรื่องปกติ คุยกับครอบครัวแล้วจะชำระเงินรอบแรกในปีหน้า”
คำถามคือ ถ้าไม่ถูกไล่บี้ขยี้ในสภาฯ จะชำระเงินกันในปีหน้า หรือ …หน้า เพราะไม่จ่ายก็ยังไม่ต้องเสียภาษี และนี่คือความสูญเสียของรัฐที่ควรได้ภาษีมาตั้งแต่ปี 2559 ใช่หรือไม่
ที่บอกว่า…ทำกันเป็นเรื่องปกติ ก็ดูจะไม่ปกติเลย เพราะปกติตั๋ว PN ต้องกำหนดชำระเมื่อไหร่ ดอกเบี้ยเป็นอย่างไร แต่นี่ไม่มี…ไม่ใช่การใช้ช่องโหว่กฎหมายเพื่อเลี่ยงภาษี จะเรียกว่าอะไร?
ภาษีในมือคนรวย: จ่ายเยอะ = ถูกต้อง?
ทั้งกรณีทักษิณและแพทองธาร
ต่างตอบโต้เสียงวิจารณ์ด้วยวาทกรรมเดียวกัน
“ฉันจ่ายภาษีเยอะกว่าพวกคุณ”
แต่ประเด็นสำคัญคือ
การจ่ายภาษีจำนวนมาก ไม่ได้แปลว่า “พฤติกรรมทั้งหมดจะชอบธรรม”
และการใช้ช่องว่างของกฎหมายเพื่อลดภาษี อาจไม่ผิดกฎหมาย
แต่หนีไม่พ้นคำถามเรื่องความยุติธรรม และจริยธรรมของผู้นำ
มรดกที่ส่งต่อ: ไม่ใช่แค่ทรัพย์สิน…แต่คือทัศนคติ
จากพ่อสู่ลูก
จากปี 2549 ถึง 2568
เราเห็นการส่งต่อแนวคิดที่ลึกกว่าการเมือง
คือความเชื่อว่า “หากฉันรู้กฎหมายมากพอ ฉันสามารถอยู่เหนือระบบภาษีและศีลธรรมได้”
และเมื่อผู้นำประเทศยังใช้วิธีเช่นนี้เป็นแบบอย่าง
สังคมไทยควรถามตัวเองว่า…
ภาษีในประเทศนี้มีไว้ให้ใครจ่าย?
คนธรรมดาที่ไม่มีทนายส่วนตัว?
ส่วนคนรวยที่เลือกจะ “ไม่จ่าย – อย่างถูกกฎหมาย” ได้ อย่างนั้นหรือ?
และเรา…ควรมีผู้นำประเทศแบบไหน?