“ติดคุกไม่สนุกนะ! ขาออกอาจไม่เดินออก…แต่นอนออก” คมสัน โพธิคง นักวิชาการกฎหมาย เตือนตรงถึงคนที่คิดบิดกฎหมายจนวิปริต ช่วย ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่ต้องจ่ายชดใช้ทุจริตระบายข้าวจีทูจี 10,028 ล้านบาท
———
เรียบเรียงจากบทสัมภาษณ์ในรายการ “เที่ยงเปรี้ยงปร้าง” ดำเนินรายการโดย “สมจิตต์ นวเครือสุนทร”
“ทักษิณพูดเรื่องจริยธรรม…ผมไม่เข้าใจ!” นี่คืออีกหนึ่งประโยคเด็ดที่ อาจารย์คมสัน โพธิคง นักวิชาการด้านกฎหมาย ถึงกับอุทานออกมาอย่างตรงไปตรงมา กลางรายการ “เที่ยงเปรี้ยงปร้าง” เมื่อถูกถามถึงกรณีที่ นายทักษิณ ชินวัตร ผู้ซึ่งเพิ่งพ้นโทษคดีทุจริต ได้รับการเปิดเวทีให้แสดงบทบาทคล้ายการมอบนโยบายให้กับหน่วยงานราชการ
การสัมภาษณ์ครั้งนี้ อาจารย์คมสันได้วิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสมของการกระทำดังกล่าวอย่างเผ็ดร้อน รวมถึงตั้งข้อสังเกตถึงประเด็นทางจริยธรรมที่เกี่ยวข้องกับการรักษาพยาบาลของนายทักษิณที่โรงพยาบาลตำรวจ และแนวคิดการหักกลบลบหนี้คดีจำนำข้าว
เมื่อ “บุคคลภายนอก” กลายเป็น “ผู้มอบนโยบาย”: คำถามถึงความเหมาะสม
อาจารย์คมสันเริ่มต้นด้วยการตั้งคำถามถึงความเหมาะสมของการเปิดเวทีราชการให้ นายทักษิณ ที่ยังคงมีคดีความติดตัว “ไม่เคยมีการเชิญบุคคลภายนอกไปปาฐกถาในการประชุมส่วนราชการมาก่อน ต้องถามถึงความเหมาะสม ยิ่งคนที่ไปพูดเป็นผู้ที่ยังมีคดีความติดตัว”
เขายังชี้ชัดว่า การกระทำเช่นนี้อาจส่งผลกระทบต่อจริยธรรมของผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งรัฐมนตรีที่เข้าไป
ผู้มีอำนาจที่ รมต.ยังต้อง “ซูฮก”
“ซูฮก ต้อนรับเป็นพิเศษอย่างกับคนๆ นี้เป็นบุคคลสำคัญ ทั้งที่เคยเป็นคนต้องโทษ ผมคิดว่าไม่มีความเหมาะสม พฤติกรรมทักษิณทำให้คนที่ไปเกี่ยวข้องจะมีความคาบเกี่ยวกับเรื่องมาตรฐานจริยธรรมเกือบทั้งหมด”
สิ่งที่อาจารย์คมสันไม่เข้าใจที่สุดคือ เหตุใดนายทักษิณจึงกลับมากล่าวถึงเรื่องจริยธรรม และไปกล่าวหาว่าแพทยสภาไม่มีจริยธรรม ทั้งที่พฤติกรรมที่ผ่านมานั้นตรงกันข้าม
ปม “ใบสั่ง” แพทยสภา: ใครคือผู้มีส่วนได้เสีย?
อาจารย์คมสันได้ขยายความต่อถึงกรณีการลงโทษทางจริยธรรม 3 แพทย์ที่เกี่ยวข้องกับการรักษาตัวของนายทักษิณที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ โดยแพทยสภา โดยมองว่านายทักษิณพยายามทุกวิถีทางที่จะเปลี่ยนแปลงมติแพทยสภา “มีการใช้คำพูดว่าสมศักดิ์ต้องคิดเยอะๆ บางคนอาจมองเป็นคำเตือนแต่ผมคิดว่าเป็นใบสั่งอยากให้คุณสมศักดิ์รีบๆ ทำ จะได้เข้าข้อกฎหมายซะที”
สมศักดิ์ไม่เป็นกลางมีสภาพร้ายแรงในการพิจารณาทางปกครอง
เขาชี้ให้เห็นถึงประเด็นความไม่เป็นกลางของ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งถือว่ามีสภาพร้ายแรงตามมาตรา 16 ตามกฎหมายวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง เนื่องจากถูกกล่าวหาว่าออกกฎกระทรวงเอื้อนายทักษิณตั้งแต่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และเมื่อมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ก็ยังคงใช้อำนาจในฐานะสภานายกพิเศษในประเด็นที่มีส่วนได้เสียกับนายทักษิณโดยตรง เพราะเป็นคนพรรคเดียวกัน และมีนายกฯ ชื่อ แพทองธาร ชินวัตร
“เป็นภาพที่เห็นชัดว่าจะเป็นกลางไม่ได้ เป็นคนพรรคเดียวกันเคยเป็นรัฐมนตรีออกกฎกระทรวงทำให้ออกไปรักษาตัวนอกเรือนจำได้ และจะพิจารณาวีโต้มติแพทยสภาที่อาจส่งผลต่อสำนวนคดีที่ศาลฎีกากำลังนัดไต่สวนปมชั้น 14 จึงขาดความเป็นกลางที่จะพิจารณาเรื่องนี้” อาจารย์คมสันกล่าว พร้อมเรียกร้องให้นักร้องไปร้องต่อ ป.ป.ช. ทันทีที่มีการวีโต้มติแพทยสภา แม้แต่กรรมการที่นายสมศักดิ์ตั้งขึ้นก็ยังมีทนายความของอดีตกลุ่มนายทักษิณอยู่ ซึ่งเป็นปัญหาเรื่องความเป็นกลาง
“วันนี้อาจไม่หนี แต่วันข้างหน้ายังไม่รู้”: คำท้าทายก่อนวันสำคัญ
เมื่อถูกถามถึงคำยืนยันของนายทักษิณที่ไม่หนี แต่มีคนพยายามปั่นป่วน และอีกไม่นานทุกอย่างจะสงบ อาจารย์คมสันถึงกับหัวเราะก่อนจะกล่าวว่า “พูดได้เพราะกว่าจะถึงวันที่ 13 มิถุนายนที่ศาลฯ นัดไต่สวนคดีชั้น 14 ยังเหลืออีกหลายวัน วันนี้อาจไม่หนี แต่วันข้างหน้ายังไม่รู้ ใกล้ๆ หรือถึงวันไต่สวนจะรู้ว่าหนีหรือไม่”
เขาเปรียบเทียบกับกรณีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่เคยบอกไม่หนี แต่สุดท้ายก็ไม่ไปศาลในวันอ่านคำพิพากษาคดีจำนำข้าว “ถ้าบอกไม่หนีก็ให้แสดงตัวด้วยในช่วงวันที่ 11-13 มิถุนายน ถ้าไปศาลฯ ด้วยคนจะได้ชื่นชมว่าเป็นสุภาพบุรุษ อย่าทำเหมือนคดีที่ดินรัชดา ไปดูโอลิมปิกแล้วไม่กลับมาอีกเลยจนกระทั่งคดีหมดอายุความ”
หักกลบลบหนี้จำนำข้าว: “กฎหมายวิปริตหมด!”
ประเด็นสุดท้ายที่อาจารย์คมสันวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักคือ แนวคิดที่จะนำรายได้จากการระบายข้าวทั้งโครงการมาหักกลบลบหนี้กับจำนวนเงิน 10,028 ล้านบาทจากความเสียหายในการทุจริตระบายข่าวจีทูจีเก๊ ที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต้องชดใช้ตามคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด
“การหักกลบลบหนี้ต้องเป็นเจ้าหนี้และลูกหนี้ ต่างมีหนี้ซึ่งกันและกันและประสงค์จะนำหนี้มาหักล้างกัน แต่กรณีจำนำข้าวเป็นการละเมิดของยิ่งลักษณ์ นิติกรรมจากการขายข้าวของรัฐบาลไม่เกี่ยวกับยิ่งลักษณ์เลย ตอนนี้เท่ากับว่ายิ่งลักษณ์เป็นหนี้รัฐบาลอยู่ตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด จะเอามาหักกับรายได้ของรัฐบาลได้อย่างไร เป็นการพูดเพื่อเบี่ยงเบนข้อกฎหมาย” อาจารย์คมสันย้ำชัด
เขายังเตือนผู้ที่คิดจะทำเช่นนี้ว่า “ถ้าอ้างการหักกลบลบหนี้แบบนี้กฎหมายวิปริตหมด จะทำก็ได้แล้วจะรู้ว่าจะอยู่หรือจะไปกันทั้งหมด คนที่พูดควรพึงสังวรณ์ดูตัวอย่างจากข้าราชการกระทรวงพาณิชย์ที่ติดคุกเพราะคดีจีทูจีกันไปแล้ว เป็นนักการเมือง เป็นรมต. อายุมากกันแล้ว ติดคุกไม่สนุกนะครับ ขาออกอาจไม่ได้เดินออก อาจจะนอนออกหรือนั่งรถเข็นออก จะทำให้ข้อกฎหมายวิปริต บิดเบี้ยว จนทำให้รัฐไม่ได้เงินชดใช้หมื่นกว่าล้าน คิดให้ดี เพราะคนที่ทำจะเข้าข่ายทุจริตต่อหน้าที่ แต่ผมเชื่อว่าไม่กล้าทำ เพราะรู้อยู่แก่ใจว่าข้อกฎหมายไม่ได้ เพียงแค่แสดงออกให้ผู้มีอำนาจที่แท้จริงเห็นว่าพยายามทำแล้ว”
หลังจากนี้ เป็นหน้าที่ของกระทรวงการคลังที่จะต้องไปบังคับหนี้ ยึดทรัพย์ และหากไม่มีก็ต้องฟ้องล้มละลายต่อไป.
#ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #เที่ยงเปรี้ยงปร้าง #รัฐบาลแพทองธาร #กระดานอำนาจ #แพทองธาร #แพทองธารชินวัตร #ทักษิณ #ยิ่งลักษณ์ #คดีจำนำข้าว #กฎหมาย #การเมือง #ประเด็นร้อน #นักวิชาการชี้เปรี้ยง