28 พฤษภาคม 2568 — เสียงปืนดังขึ้นอีกครั้งที่ “ช่องบก” พื้นที่ชายแดนรอยต่อไทย–ลาว–กัมพูชา ในเขต อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี หลังทหารกัมพูชาขุดคูยาว 650 เมตรใกล้แนวเขตพิพาท เพื่อตรึงกำลังในจุดที่ไทยมองว่าละเมิดข้อตกลง MOU ปี 2543 เหตุการณ์จบใน 10 นาที ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 1 นาย ส่วนไทยไม่มีทหารได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต
แต่สิ่งที่สะเทือนลึกกว่านั้นคือคำถามค้างคา:
“ทำไมช่องบกจึงยังปะทุได้…แม้ผ่านมาเกือบ 40 ปี?”
คำถามนี้ย้อนกลับไปไกลกว่าข่าวรายวัน — มันเกี่ยวข้องกับสมรภูมิเลือดในอดีต การเมืองเรื่องเขตแดน และการอ้างของทักษิณในช่วงหลังเหตุปะทะว่า
“ผมเคลียร์กับสมเด็จฮุนเซนไว้หมดแล้ว”
แต่ภาพความจริงในพื้นที่ยังคงตึงเครียด
⸻
ช่องบก: สมรภูมิที่จารึกด้วยเลือด 109 ชีวิต
ระหว่างปี 2528–2530 ช่องบกเคยเป็นแนวรบเดือดที่ทหารไทยต้องสู้กับกองทัพเวียดนาม ซึ่งข้ามเขตชายแดนเข้ามาหลังเข้าแทรกแซงกัมพูชาเพื่อล้มเขมรแดง ไทยยืนยันว่าถูกละเมิดอธิปไตย ฝ่ายเวียดนามอ้างสิทธิเหนือพื้นที่ไร้เส้นแบ่งอย่างชัดเจน
ยุทธการที่ช่องบกกินเวลานาน 2 ปี กองกำลังสุรนารีต้องสู้ในป่าทึบ เทือกเขาสูงชัน และพื้นที่ที่เต็มไปด้วยทุ่นระเบิด การขุดหลุม “บ่อเพาะ” เข้าใกล้ทีละนิดคือกลยุทธ์เอาชนะในที่สุด
แต่ชัยชนะครั้งนั้นต้องแลกด้วย ชีวิตทหารไทย 109 นาย บาดเจ็บอีก 664 นาย และกระสุนปืนใหญ่มากกว่า 21,000 นัด
⸻
เมื่ออดีตยังไม่ปิดบัญชี
แม้การสู้รบจะจบลงในปี 2530 แต่ช่องบกไม่เคยถูกปักเขตแดนอย่างสมบูรณ์ พื้นที่ 12 ตารางกิโลเมตรของ “สามเหลี่ยมมรกต” ที่คร่อมไทย-ลาว-กัมพูชา จึงกลายเป็นจุดเปราะบางเรื้อรัง — พร้อมปะทุทุกครั้งที่ใคร “เดินเกมรุก” และอีกฝ่าย “อ่อนแอ”
ในประวัติศาสตร์ ความไม่ชัดเจนนี้สืบเนื่องจากยุคอาณานิคม เมื่อฝรั่งเศสปักเขตแดนแบบฝ่ายเดียว และยังไม่มีการลงนามจัดทำหลักเขตในพื้นที่ช่องบกอย่างเป็นทางการ
การขุดคู, การตรึงกำลัง, การตั้งจุดตรวจ… จึงล้วนตีความได้ต่างกัน ขึ้นอยู่กับว่าใครถือแผนที่ฉบับไหน
⸻
ทักษิณ “เคลียร์แล้ว”? หรือแค่คำพูดหลังปะทะ?
หลังเหตุปะทะช่องบกเพียงไม่กี่วัน ทักษิณ ชินวัตร บิดานายกรัฐมนตรี ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า
“ผมคุยกับสมเด็จฮุนเซนเป็นประจำ ขอทุกฝ่ายอย่าเติมเชื้อไฟให้เกิดการกระทบกระทั่งกัน”
คำกล่าวนี้ไม่ได้สะท้อนความสำเร็จของความสัมพันธ์ระหว่างผู้นำไทย–กัมพูชา
แต่กลายเป็นประเด็นคำถามว่า:
หากสัมพันธ์ดีจริง ทำไมจึงยังเกิดเหตุ? หรือคำกล่าวนี้เป็นเพียงการกลบกระแสหลังความจริงในพื้นที่เกิดขึ้นแล้ว?
ข้อเท็จจริงก็คือ ความสัมพันธ์ส่วนตัวไม่เคยเพียงพอในการควบคุมกองกำลังในภาคสนาม และคำว่า “เคลียร์แล้ว” ที่พูดหลังเหตุการณ์…ไม่อาจใช้แทนกลไกนโยบายที่มีเอกภาพหรือการควบคุมในระดับปฏิบัติการจริงได้เลย
⸻
กัมพูชาเดินหน้า “สถาปนาแนวต้านใหม่”
รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร นักวิชาการด้านความมั่นคง วิเคราะห์ในรายการเที่ยงเปรี้ยงปร้างของ The Publisher ว่า
“กัมพูชาวางกำลังเข้ามาอย่างเป็นระบบ สั่งการโดยตรงจากผู้นำ ใช้อาวุธทันสมัยที่ได้จากต่างประเทศ แม้กำลังพลอาจยังไม่ชำนาญ แต่เป้าหมายคือการสถาปนาแนวต้านใหม่ในพื้นที่พิพาท”
นี่คือการเดินเกมในระดับยุทธศาสตร์ระยะยาว — ไม่ใช่แค่ตอบโต้เฉพาะหน้า แต่คือการสร้างข้อเท็จจริงในพื้นที่ (facts on the ground) เพื่อใช้เจรจาในอนาคต
⸻
ช่องบก: จากสมรภูมิ สู่สมดุลเปราะบาง
แม้รัฐบาลไทยจะพยายามพัฒนา “ช่องบก” ให้กลายเป็นจุดท่องเที่ยว เขตเศรษฐกิจ และโครงการความร่วมมือ “สามเหลี่ยมมรกต” ระหว่างไทย ลาว กัมพูชา แต่ความตึงเครียดยังเกิดขึ้นซ้ำ ๆ ตั้งแต่การเผาศาลาตรีมุข (มี.ค. 2568) จนถึงเหตุปะทะล่าสุด (พ.ค. 2568)
ช่องบกยังไม่ใช่ “พื้นที่สันติ” แต่เป็น “พื้นที่สมดุลเปราะบาง” ที่อาจเปลี่ยนเป็นสมรภูมิได้อีกทุกเมื่อ
⸻
อย่าให้คำว่า “เคลียร์แล้ว” กลายเป็นม่านควัน
เหตุปะทะ 28 พ.ค. ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่สะท้อนว่า “พื้นที่ชายแดนยังไร้เอกภาพ และไทยยังไร้ยุทธศาสตร์ระยะยาว”
• เราไม่สามารถพึ่งคำพูดของทักษิณได้ หากในพื้นที่ยังไม่มีการปักเขต
• เราไม่สามารถอ้างความสัมพันธ์ระดับผู้นำได้ หากกองกำลังภาคสนามยังเคลื่อนกำลังอย่างไร้การควบคุม
• เราไม่สามารถนิ่งเฉยกับพื้นที่พิพาทได้ หากอีกฝ่ายกำลัง “สถาปนาแนวต้าน” อย่างเงียบเชียบแต่ต่อเนื่อง
ช่องบกเคยสู้ด้วยเลือด
อย่าให้ยุคนี้เสียพื้นที่…เพราะเราเชื่อคำพูดมากกว่าสร้างนโยบาย #ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #กองทัพบก #กัมพูชา #ชายแดนไทยกัมพูชา #ทหารไทย #รักษาชายแดน