“ปลดล็อกโป๊กเกอร์ท่ามกลางวิกฤตชายแดน ไม่โปร่งใส ขาดธรรมาภิบาล”
— รศ.ดร. ชิดตะวัน ชนะกุล คณะเศรษฐศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์
เรียบเรียงจากบทสัมภาษณ์ในรายการ “เที่ยงเปรี้ยงปร้าง” ดำเนินรายการโดย “สมจิตต์ นวเครือสุนทร”
⸻
ลงนามปลดล็อก…ในวันที่ไทยเผชิญวิกฤต
คำสั่งปลดล็อก “โป๊กเกอร์” ให้เป็นกีฬาที่จัดแข่งขันได้ในไทย โดยลงนามเมื่อ 30 กรกฎาคม 2568 จากฝีมือของ ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กลายเป็นประเด็นร้อนทางสังคมทันที
แม้เจ้าตัวจะชี้แจงภายหลังว่าเป็นเพียงการรองรับการแข่งขันกีฬาโป๊กเกอร์ระดับสากล ไม่ใช่การอนุญาตให้เล่นพนัน แต่ในสายตาของ รศ.ดร.ชิดตะวัน ชนะกุล นักเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กลับมองว่า การลงนามในวันดังกล่าวไม่เพียงขาดความโปร่งใส แต่ยังเกิดขึ้นในช่วงที่ประเทศกำลังเผชิญ วิกฤตชายแดนไทย–กัมพูชา ซึ่งประชาชนจำนวนมากต้องอพยพหนีภัยสงคราม
“คุณภูมิธรรมลงนามวันที่ 30 ก.ค. วันเดียวกับที่การแข่งขัน Texas Hold’em เริ่มขึ้น ทั้งที่เตรียมงานล่วงหน้าแล้ว แสดงว่าทุกอย่างถูกวางแผนมาแต่ต้น แล้วค่อยมาทำเอกสารย้อนหลังให้ชอบด้วยกฎหมายใช่หรือไม่?”
⸻
โป๊กเกอร์คือการพนัน ไม่ใช่กีฬา
รศ.ดร.ชิดตะวัน ระบุชัดว่า โป๊กเกอร์ไม่ควรถูกยกระดับเป็นกีฬาในทางนโยบาย เพราะในหลายประเทศ เช่น บางมลรัฐในสหรัฐฯ จีน เกาหลีใต้ ก็ยังจำกัดอย่างเข้มงวด เนื่องจากถือเป็นการพนัน
“มันคือการพนันที่ก่อผลเสียต่อสังคมและเศรษฐกิจอย่างมาก การที่รัฐบาลไทยอ้างว่าเป็นกีฬาเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว เป็นแค่การใช้กีฬาและท่องเที่ยวบังหน้าเพื่อแฝงการเปิดบ่อนหรือไม่”
⸻
แอบทำ–แอบปลดล็อก ขัดจริยธรรม
สิ่งที่ทำให้เรื่องนี้ร้ายแรงยิ่งกว่า คือ ขาดการมีส่วนร่วมของสาธารณะ ไม่มีการเปิดเผยข้อมูลล่วงหน้า ไม่รับฟังความเห็นประชาชน ทั้งที่เป็นประเด็นอ่อนไหว
“นี่ขัดกับประมวลจริยธรรมข้าราชการการเมือง พ.ศ.2564 ข้อ 6(5) อย่างชัดเจน และอาจเข้าข่ายผิดจริยธรรมร้ายแรง ทำให้พ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีได้”
อาจารย์ชิดตะวันย้ำว่า การลงนามในช่วงที่ประเทศกำลังมีปัญหาความมั่นคง ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมและเป็นการบริหารแบบ “มุบมิบ” ซึ่งขัดกับหลักธรรมาภิบาล และควรได้รับการตรวจสอบโดยรัฐสภา
⸻
ท่องเที่ยวพัง–ไม่ปังอย่างที่รัฐบาลอ้าง
แม้รัฐบาลจะอ้างว่าโป๊กเกอร์ช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยว แต่ข้อมูลเชิงประจักษ์กลับตรงกันข้าม ทุกนโยบายที่รัฐบาลเพื่อไทยอ้างกระตุ้นท่องเที่ยวไม่ได้ผล เพราะนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะ ชาวจีน ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
“ทั้งการขยายฟรีวีซ่า 93 ประเทศ หรือการยกเลิกภาษีนำเข้าไวน์ ก็ไม่ได้ช่วยอะไร กลับทำให้เสียหายมากขึ้น การแข่งโป๊กเกอร์ก็เช่นกัน มันไม่ได้ทำให้คนมาเที่ยวไทยเพิ่ม แต่กลับทำให้คนกลัวว่าไทยเปิดกว้างเรื่องการพนันมากขึ้น จะส่งผลต่อเรื่องความปลอดภัย”
⸻
รัฐบาลต้องตอบว่า “ปลดล็อกเพื่อใคร?”
ความกังวลในระยะยาว คือ ทิศทางนโยบายที่อ้างท่องเที่ยว–กีฬา เพื่อแฝงการพนันอย่างเป็นระบบ ซึ่งจะสร้างผลกระทบวงกว้างต่อโครงสร้างสังคม
“โป๊กเกอร์อยู่ในกาสิNOตามกฎหมาย ถ้ากาสิNO ยังไม่เกิดแต่ปลดล็อกโป๊กเกอร์ก่อน แสดงว่าเราจะมีโป๊กเกอร์นอกกาสิNO ใช่หรือไม่ ประเทศที่มีการทุจริตสูง นักการเมืองทุจริตมักเป็นเจ้าของบ่อนโดยใช้นอมินีบังหน้า”
ที่น่ากังวลยิ่งกว่านั้น คือผลกระทบทางเศรษฐกิจในระดับปัจเจกชน เพราะจากงานวิจัยทั่วโลกพบว่า ผู้เล่นโป๊กเกอร์ส่วนใหญ่ไม่ใช่คนรวย แต่เป็นคนจนที่หวังรวยทางลัด และเมื่อเล่นเสียจะยิ่งสร้างหนี้ สร้างปัญหาให้กับครอบครัวและสังคม
“มันจะยิ่งทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำ เพราะเงินจากการพนันส่วนใหญ่ไหลมาจากคนรายได้น้อย ไม่ใช่เศรษฐีที่มาเล่นคลายเครียด”
⸻
เส้นแบ่งบางๆ ระหว่าง “กีฬา” กับ “มอมเมา“
ในตอนท้าย อาจารย์ชิดตะวัน ย้ำว่า สังคมไทยต้องจับตาการดำเนินนโยบายของรัฐบาลชุดนี้อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะข้ออ้างด้านกีฬาและท่องเที่ยวเพื่อปลดล็อกในสิ่งที่ไม่ควรปลด
”เขาอาจบอกว่าเป็นกีฬา หรือกระตุ้นการท่องเที่ยว แต่ประชาชนต้องถามกลับว่า…แล้วใครได้ประโยชน์จากกีฬาหรือการกระตุ้นการท่องเที่ยวแบบนี้?“