“เราต้องเป็นสุภาพบุรุษที่หมัดหนัก รุกล้ำมายิงทันที เลิกเป็นม้าอารีได้แล้ว” — พล.ท. พงศกร รอดชมภู อดีตรองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรียบเรียงจากบทสัมภาษณ์ในรายการ “เที่ยงเปรี้ยงปร้าง” ดำเนินรายการโดย “สมจิตต์ นวเครือสุนทร”
⸻
ฮุน เซนไม่ใช่นักเจรจา แต่คือ “นักรบ”
หลังพระมหากษัตริย์กัมพูชามอบอำนาจให้ ฮุน เซน รับผิดชอบกิจการกองทัพและอธิปไตยของกัมพูชาโดยตรง พล.ท. พงศกร รอดชมภู เตือนว่า อย่าคิดว่าความเงียบคือความสงบ เพราะฮุน เซนไม่ใช่นักการทูต แต่เป็นทหารที่ผ่านสมรภูมิมาอย่างโชกโชน
“ฮุน เซนรู้จักการรบมากกว่าการเจรจา เขายังไม่บรรลุเป้าหมาย หยุดชั่วคราวเพราะต้องเป็นเด็กดีของสหรัฐฯ เรื่องภาษี แต่เขาแค่รอจังหวะ สร้างเรื่องรบใหม่”
การส่งโดรนสอดแนม การเสริมกำลังที่แนวชายแดน และสร้างสตอรีต่อเนื่อง คือสัญญาณว่า การปะทะระลอกใหม่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ โดยพื้นที่ที่ต้องระวังคือ ตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด ตาควาย และช่องบกที่เขาไปยื่นศาลโลกไว้ อาจมีการสร้างเรื่องใหม่เพื่อดึงไทยไปศาลโลก
⸻
GBC อย่ายอมถอนทหาร!
พล.ท. พงศกรแนะว่าการประชุม GBC (General Border Committee) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 7 สิงหาคม โดยมี จีน–มาเลเซีย–สหรัฐฯ ร่วมสังเกตการณ์ ไทยไม่ควรยอมถอยในพื้นที่ที่เราตรึงกำลังอยู่
“อย่าถอนทหาร อย่ายอมลดระดับ ไทยต้องตรึงพื้นที่ที่เรายึดไว้ แล้วพิสูจน์โดยใช้สันปันน้ำ ดาวเทียม โดรน เลเซอร์ แล้วขีดเส้นใหม่ ซึ่งหากดำเนินการตามนี้สามารถจบได้ภายใน 1 เดือน แม้กัมพูชาจะไม่ยอมเราก็ทำเองฝ่ายเดียวเหมือนที่ขีดเส้นยึดหลัก Unclos หรืออนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ.” 1982 ในเอ็มโอยู 44“
เขาย้ำว่า แม้บางพื้นที่กัมพูชาจะยื่นฟ้องศาลโลกแล้ว เช่น ตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด ตาควาย ช่องบก แต่พื้นที่อื่น ๆ ไทยต้องเดินหน้า “จัดระเบียบชายแดน” โดยไม่ต้องรอการยินยอมจากอีกฝ่าย
⸻
ภูมิธรรมไว้ไมตรี ไม่พูดตัวเลขความสูญเสียของทหารกัมพูชา
เมื่อถูกถามถึงกรณี ภูมิธรรม เวชยชัย งดพูดถึงจำนวนทหารกัมพูชาที่เสียชีวิต พล.ท. พงศกร ถอนหายใจและตอบตรง ๆ ว่า…
“ก็แล้วแต่ท่าน แต่ในสงครามรัสเซีย–ยูเครน เขายังพูดกันชัด เราประเมินว่ากัมพูชาเสียไปราว 3,000 นาย แต่เขาบอก 5 คน แล้วอ้างว่ากลิ่นศพคือทหารไทย ทั้งที่ใส่เครื่องแบบเขมร!”
สิ่งที่น่าห่วงคือ กัมพูชา “ควบคุมการรับรู้” ได้หมด ใครสงสัยก็ถูกจับ หรือถูกหลอก ด้วยวิธีแบบเดียวกับที่รัสเซียใช้กับพลเมืองของตน
⸻
ชัยชนะไม่ได้มาจากปืน…แต่มาจาก “ความจริง”
พล.ท. พงศกร แนะนำว่าไทยควรใช้ความสูญเสียที่เกิดขึ้นเป็นโอกาสในการสื่อสารกับประชาชนกัมพูชาให้มากที่สุด
“บอกเขาไปว่าไทยไม่ใช่ศัตรู ศัตรูของเขาคือผู้นำที่หลอกให้คนไปตายเพื่อรักษาอำนาจ เราชนะได้ด้วยความจริง ไม่ใช่เอาแต่รักษาสัมพันธ์แบบกลวง ๆ”
เขาเสนอว่า ควรใช้แรงงานกัมพูชาที่อยู่ในไทย เป็นตัวกลางส่งต่อข้อเท็จจริงกลับไปยังครอบครัวในกัมพูชา ให้ความจริง “กัดกิน” ความน่าเชื่อถือของผู้นำจนพังทลายจากภายใน
⸻
ช่องอานม้า–ม้าอารี: บทเรียนจากความอ่อนแอ
เหตุการณ์ทหารกัมพูชา ตัดรั้วลวดหนาม บริเวณช่องอานม้า สะท้อนว่ากัมพูชายังไม่วางมือในพื้นที่จุดนี้ ปัญหาเกิดจากการปล่อยให้เขมรเข้ามาค้าขาย ตั้งชุมชน สร้างอนุสาวรีย์โดยไม่ขัดขวาง จนเขาสร้างสตอรีครอบครองพื้นที่
“มันเหมือนกรณี ‘ม้าอารี’ เข้ามา 10 ปี ไม่ไล่กลับ ทำแค่ประท้วง แล้วเขาสนใจที่ไหน?”
⸻
ต้องวัดกันด้วย “สันปันน้ำ” ไม่ใช่แผนที่ฝรั่งเศส
พล.ท. พงศกร ชี้ว่า เส้นเขตแดนที่แท้จริงควรอิงตามหลักธรรมชาติ “สันปันน้ำ” ตลอดแนวชายแดน 195 กิโลเมตร จากช่องสะงำถึงสามแยกลาว ไม่ใช่แผนที่โบราณที่กัมพูชาเอาเปรียบ
“พื้นที่ภูมะเขือ ถ้าจะบอกเป็นของกัมพูชา ต้องปีนเขาขึ้นมา ไม่มีทางเป็นได้จริง สมัยฝรั่งเศสเลยไม่เคยกำหนดไว้ เพราะมันชัดเจนอยู่แล้ว!”
⸻
ความฝัน “ไร้เขตแดน” ต้องมีกาลเทศะ
ต่อกระแสบางฝ่ายที่เสนอว่า ไทย–กัมพูชา ควรอยู่ร่วมกันแบบไร้เส้นเขตแดนเหมือนประเทศยุโรป พล.ท. พงศกรสวนทันทีว่า “ฝันหวานเกินไป”
“ยุโรปตะวันตกบางประเทศยังสร้างกำแพง หลังรัสเซียจ้องบุก ก่อนจะพูดแบบนั้น ต้องดูด้วยว่าเพื่อนบ้านเป็นมิตรจริงหรือไม่ ไม่ใช่ฝันหวานไปเรื่อย”
⸻
หมัดสุดท้าย: “สุภาพบุรุษที่หมัดหนัก”
คำแนะนำสุดท้ายของ พล.ท. พงศกร ย้ำชัดเจนอีกครั้งว่า…
“เราต้องเป็นสุภาพบุรุษที่หมัดหนัก ถ้าเขารุกล้ำดินแดน ยิงให้จบ จะได้ไม่มีเรื่องอีก ส่วนกับประชาชนกัมพูชา เราต้องให้ ‘ความจริง’
ให้เขารู้ว่าไทยไม่ใช่ศัตรู ศัตรูที่แท้จริงของเขาคือผู้นำที่พาคนไปตาy เพื่อรักษาอำนาจตัวเอง“