ยังเป็นกรณีที่สังคมจับตาใกล้ชิดกับปม ชั้น 14 คุกทิพย์ ที่ “ทักษิณ ชินวัตร” ซึ่งต้องโทษ 1 ปี ไม่เคยติดคุกแม้แต่วันเดียว จากการอ้างอาการป่วยหนัก เป็นอันตรายถึงชีวิต โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงของสองหน่วยงาน ประกอบด้วย แพทยสภา ที่ตั้งอนุกรรมการฯ ขึ้นมาตรวจสอบจริยธรรมแพทย์ที่เกี่ยวข้องและพบว่ามี “มูล” ทำหนังสือถึงโรงพยาบาลตำรวจขีดเส้นให้ชี้แจงรายละเอียดทั้งหมดถึงขั้นตอนการส่งตัว การใช้ดุลพินิจของแพทย์ หลักฐานการรักษาตัวของนายกทักษิณ ส่งไปให้ภายในวันที่ 15 ม.ค.68
ขณะที่ ป.ป.ช.ทั้งคณะเป็นองค์คณะไต่สวนกรณีนี้ มี 12 เจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาลตำรวจ กรมราชทัณฑ์ และเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ติดร่างแห และมีการร้องเพิ่มให้สอบลามไปถึง พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม เจ้าของฉายา “ทวีไอพี” ด้วย
ล่าสุดยังมีประชาชนขอพึ่งบารมีประธานศาลฎีกา ให้พิจารณาการใช้อำนาจของฝ่ายบริหารผ่านกรมราชทัณฑ์ จนเป็นเหตุให้เกิดปรากฏการณ์ชั้น 14 ไม่ดำเนินการตามป.วิ-อาญา มาตรา 246 ที่กำหนดให้ร้องขอต่อศาลให้มีคำสั่งทุเลาการบังคับให้จำคุกก่อนส่งตัวผู้ต้องขังออกไปรักษาตัวนอกเรือนจำ อีกทั้งยังไม่เคยรายงานต่อศาลด้วย โดยเห็นว่าประมุขฝ่ายตุลาการคือประธานศาลฎีกา ในฐานะผู้มีอำนาจสูงสุดในการบริหารองค์กรผู้ทรงอำนาจอธิปไตยฝ่ายตุลาการ ควรเข้ามามีบทบาทสำคัญต่อการแก้ไขปัญหาอันเป็นประเด็นสาธารณะที่ประชาชนเกือบทั้งประเทศเคลือบแคลงสงสัยต่อกระบวนการยุติธรรมของประเทศ เนื่องจากไม่สามารถพึ่งบารมีของผู้มีอำนาจสูงสุดขององค์กรฝ่ายบริหารได้ เนื่องจากผลประโยชน์ทับซ้อนกันอยู่
The Publisher ได้สอบถามไปยังนายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีตสส.นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ ที่เคยมีการยื่นเรื่องที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองกรณีนี้มาแล้วสองครั้ง ให้ข้อมูลว่า ครั้งแรกยื่นปลายปี 66 เกี่ยวกับข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ท่านมีคำสั่งออกมาว่า ต้องพิจารณาว่า หลังศาลฯ มีคำสั่งขังแล้ว เป็นหน้าที่กรมราชทัณฑ์ ต้องพิจารณาว่าการนำนายทักษิณออกนอกเรือนจำไปชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ถ้าไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองไม่มีอำนาจพิพากษา จากนั้นต้นปี 2567 ตนได้ยื่นไปที่ศาลฎีกาฯ อีกครั้ง เสนอข้อเท็จจริงที่มีการอ้างต้องรักษาตัวนอกเรือนจำเนื่องจากเสี่ยงต่อชีวิต แต่กลับไม่มีการปฏิบัติตามป.วิอาญา จึงสอบถามว่าเป็นอำนาจใคร ซึ่งท่านตอบกลับมาว่า “กรมราชทัณฑ์ไม่มีการขอมาที่ศาลฯ”
“ในการยื่นครั้งที่สามภายในเดือนมกราคมนี้ ผมจะชี้ให้เห็นว่ากรมราชทัณฑ์กระทำการขัด ป.วิอาญามาตราไหนบ้าง การนำนักโทษออกนอกเรือนจำเพื่อรักษาด่วน ไม่มีการรายงานให้ศาลฯ ทราบ ตามมาตรา 246 การกระทำเช่นนี้ขัดคำสั่งศาลฯ ขัดพระบรมราชโองการหรือไม่ เสนอให้ศาลฯ พิจารณาเพราะต้นเหตุแห่งการจำคุกมาจากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และนายทักษิณยอมรับผิด ได้รับอภัยลดโทษจาก 8 ปี เหลือ 1 ปี แต่กลับไม่มีการติดคุกจริง ส่วนศาลฯ จะออกหมายขังใหม่หรือไม่ อยู่ที่ดุลพินิจของศาลฯ ผมขอให้ศาลฯ พิจารณาข้อกฎหมายว่า ถ้าขัดคำสั่งศาลฯ ผิดกฎหมาย ไม่มีการจำคุกจริง ก็ต้องกลับไปจำคุก ขึ้นอยู่กับศาลฯ ว่าจะสั่งอย่างไร”
นายชาญชัย กล่าวด้วยว่า ตามกฎหมาย ป.วิอาญามาตรา 58 กำหนดว่าหากองค์คณะเห็นว่ามีความจำเป็นต้องเข้าสู่ที่ประชุมใหญ่ตุลาการศาลฎีกา เพราะไม่เคยมีการพิจารณาคดีเช่นนี้มาก่อน เราส่งให้ศาลฯ ท่านวางหลักเกณฑ์ให้ถูกต้อง เพราะยังมีกรณีอื่นเช่น “เสี่ยเปี๋ยง” (อภิชาติ จันทร์สกุลพร) ผู้ต้องโทษหลายคดี แต่กลับติดคุกจริงเพียง 7 ปี โดยยังไม่มีการชดใช้ความเสียหายให้แก่รัฐ รวมถึงนายทักษิณ ก็หนีคำพิพากษาไปก่อนกลับมายอมรับผิด ขออภัยโทษ สำนึกในความผิด แต่กลับไม่มีการดำเนินการตามข้อกฎหมาย ทำให้ระบบกระบวนการยุติธรรมเป๋หมด ราชทัณฑ์ใช้กฎระเบียบของตัวเองแต่ไม่ดูมาตรา 6 ของกฎหมายตัวเอง ที่ระบุว่า ห้ามออกกฎกระทรวงขัดกับป.วิอาญา แต่กลับดำเนินการโดยไม่สนใจป.วิอาญาเลย
มีคำถามว่าศาลฯ ท่านพิจารณาเรื่องเหล่านี้ได้หรือไม่ บอกว่าได้ เพราะในป.วิอาญามาตรา 158 เขียนไว้ว่า ศาลฯ มีสิทธิไต่สวนกรณีขอทุเลาโทษ ตั้งแต่ยังไม่ตัดสินเลย เช่นอยู่ระหว่างตัดสินเกิดบ้าขึ้นมา ศาลฯ สั่งให้ยุติได้ หายเมื่อไหร่นำกลับมาพิจารณาใหม่ และมาตรา 258 เขียนไว้ว่า ศาลฯ สั่งประหารชีวิตแล้วปรากฏนักโทษสติแตกหรือมีอาการอันตรายก่อนลงโทษ ก็ทุเลาโทษไปรักษาก่อน เมื่อรักษาหายแล้วอาจมีการเปลี่ยนแปลงโทษจากประหารชีวิตเป็นจำคุกตลอดชีวิตก็ได้ แสดงว่าศาลฯ มีอำนาจทุเลาโทษทั้งก่อนและหลังมีคำพิพากษา ทั้งหมดที่ตนใส่รายละเอียดไว้เพื่อชี้ให้เห็นว่า การทุเลาโทษเป็นอำนาจศาลฯ หากมีการขัดคำสั่งศาลฯ ไม่ว่าจะเลยเวลาไปขนาดไหน ถ้ามีการทำผิดกฎหมายศาลฯ มีอำนาจพิจารณาได้ การบังคับโทษต้องเป็นไปตามคำสั่งศาลฯ ไม่ใช่ทำตามอำนาจของกรมราชทัณฑ์ ภายใต้ฝ่ายบริหารที่ออกระเบียบเอื้อประโยชน์ให้นายตัวเอง
“ก่อนหน้านี้เคยมีกรณีศาลฯ ให้นำตัวนักโทษหญิงไปคลอดบุตรนอกเรือนจำ กรมราชทัณฑ์ทำหนังสือถึงศาลฯ ว่า ยังไม่มีการจัดสถานที่คุมขังนอกเรือนจำเกรงจะขัดคำสั่งศาลฯ จึงขออนุญาตขังที่เรือนจำอย่างเดิม ผมส่งหนังสือของอธิบดีกรมราชทัณฑ์กรณีนี้ไปให้ศาลฯ พิจารณาว่า เขารู้ว่าอำนาจศาลฯ ใหญ่กว่า แต่กลับไม่ทำกับกรณีนายทักษิณ เป็นคดีตัวอย่างว่ามีอำนาจการเมือง ลูกเป็นนายกฯ สามารถแต่งตั้งใครเป็นรมต.ก็ได้ กลายเป็นว่าไม่มีการปฏิบัติตามคำสั่งศาลฯ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณอภัยลดโทษเหลือหนึ่งปี นายทักษิณต้องรู้ดีว่า ถ้าพระบรมราชโองการไม่ใช่กฎหมายคุณต้องกลับไปติดคุกอีก 7 ปี แต่พระบรมราชโองการเป็นกฎหมายคุณจึงติดคุกหนึ่งปี การไม่ติดคุกคือการก้าวล่วงไปถึงการเซาะกร่อนบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ให้เสื่อมเสียหรือไม่”
.
ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #ทักษิณชินวัตร #ทักษิณ #นักโทษเทวดา #ชั้น14
ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่
https://thepublisherth.com/