- Original
- Urban Culture
- Writer
- About us
- คุยกับสส
- The Persona
- Brief
- Thai Treasure
- Urban life
- On this day
- News
- Home
- Editir pick
- Good
- Persona
- Persona
- Urban
- Business
- Politics
- Playlist
- Home
- People Voice
- Culture
- นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
- Urban Wealth
- Law
- Update
- I’m Youth Ranger
- Urban History
- Issues
- Check
Subscribe to Updates
Get the latest creative news from FooBar about art, design and business.
Author: Writer Publisher
.นายสมชาย แสวงการ อดีตสมาชิกวุฒิสภา โพสต์เฟซบุ๊กชวนคนไทยตรวจสอบสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ค.ศ. 1907 ไม่มีพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล ไทย-กัมพูชา แต่มีผลประโยชน์ทับซ้อนสองตระกูลนักโกงเมือง พร้อมติดแฮชแท็ก เสียอธิปไตยแลกทุนพลังงาน จับตาเจรจาขายชาติ
.หลังนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ลงนามในประกาศหลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขการกำหนดพื้นที่ทำการค้าและขายหรือจำหน่ายสินค้าบนถนน หรือสถานสาธารณะ โดยเฉพาะเรื่องคุณสมบัติผู้ว่าและผู้ช่วยจำหน่ายต้องเป็นผู้มีสัญชาติไทยเท่านั้น และเป็นบุคคลที่ต้องมีคุณสมบัติข้อใดข้อหนึ่งคือ เป็นผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เป็นคู่สัญญาซื้อบ้านโครงการบ้านมั่นคง เป็นผู้ได้รับเงินจากกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ เป็นผู้มีรายได้ไม่เกิน 3 แสนบาทต่อปี ตามที่ The Publisher ได้รายงานมาตั้งแต่ช่วงเช้า.ปรากฏว่าพ่อค้าแม่ค้าหาบเร่แผงลอยในย่านต่าง ๆ ของกรุงเทพมหานคร ต่างเห็นด้วย เพราะขณะนี้มีชาวต่างชาติตั้งแผงขายแข่งกับพ่อค้าแม่ค้า คนไทย แย่งอาชีพ และไม่รักษาความสะอาด กระทั่งละเลยกฎหมาย หลักเกณฑ์ดังกล่าวจะนำไปสู่การเพิ่มพื้นที่ทำมาหากินให้กับคนไทยมากขึ้น.แต่สำหรับผู้ช่วยจำหน่ายหรือลูกจ้างที่ระบุต้องเป็นคนไทยอาจต้องผ่อนปรนบ้าง เพราะบางครั้งหาคนไทยมาเป็นผู้ช่วยจำหน่ายไม่ได้ รวมถึงหลักเกณฑ์อื่น ๆ ที่อาจเป็นข้อจำกัด ให้ผู้มีรายได้น้อยได้มีอาชีพเช่นกัน.
.จากวิกฤตการณ์น้ำท่วมภาคเหนือ ส่งผลให้บ้านเรือนเกิดความเสียหายและเต็มไปด้วยดินโคลน ด้วยเหตุนี้เอง “ช่างมิตร” คุณศุภนิจ เข้มแข็ง เจ้าของโรงงานตัดเหล็ก “เนรมิตการช่าง” แถว ต.บ้านดู่ อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย ก็พร้อมที่จะช่วยเหลือพี่น้องชาวจังหวัดเชียงรายเท่าที่ตนจะช่วยได้ เพราะเดิมทีเวลาเกิดภัยพิบัติ ช่างมิตรและครอบครัวก็มักจะระดมเงินไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยตลอด แจกข้าว แจกอาหาร แจกถุงยังชีพในพื้นที่ที่ยากจะเข้าถึง. ซึ่งครั้งนี้ถือว่าเป็นปีที่หนักมากสำหรับพี่น้องชาวเชียงราย แม้ในบางพื้นที่ระดับน้ำจะลดลงบ้างแล้ว แต่ก็ทิ้งคราบสกปรกและโคลนตมกองพะเนินเอาไว้ หลายครอบครัวจึงเริ่มกลับเข้ามาในพื้นที่เพื่อเร่งทำความสะอาดบ้านของตัวเองกันแล้ว ช่างมิตรจึงเกิดแนวคิดว่าอยากทำอุปกรณ์ที่เอาไว้สำหรับลากโคลน ด้วยความที่กิจการของตนก็เป็นโรงงานตัดเหล็ก จึงใช้เหล็กทำ เพราะมันแข็งแรงกว่า จึงระดมเงินกันในครอบครัวและเพื่อนฝูงเพื่อจัดทำไม้ลากโคลนขึ้นมา.เมื่อทำขึ้นมาได้ 200 อันก็เอาไปแจกจ่ายพี่น้องชาวเชียงรายฟรี ๆ โดยไม่คิดเงินสักบาท ทำด้วยใจอยากช่วยเหลือล้วน ๆ ต่อมาแฟนของช่างมิตรได้เอาสิ่งที่ทำไปโพสต์ในโซเซียล จึงมีคนที่ต้องการเข้ามามีส่วนร่วม ติดต่อเข้ามาเพื่อจะร่วมช่วยเหลือ มีผู้ใจบุญจากหลาย ๆ ที่ติดต่อขอช่วย รวมไปถึงร้านค้าต่าง ๆ ในพื้นที่ จ.เชียงราย ที่ทราบเรื่องที่ช่างมิตรทำ ก็พากันลดราคาสินค้าให้ ซึ่งแต่ละวันที่โรงงานสามารถผลิตไม้ลากโคลนได้ประมาณ 700-800 อัน และตลอดระยะเวลาที่เริ่มทำมาจนถึงตอนนี้ ได้แจกจ่ายไม้ลากโคลนไปแล้วประมาณ 2,300 อัน. ขอบคุณที่มาข้อมูลข่าว : Chiangmai News ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #น้ำท่วม67 #น้ำท่วมเชียงราย #อุทกภัย
.กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) ร่วมกันจับกุม นายกฤษฎาฯ อายุ 31 ปี ข้อหา ค้ามนุษย์ โดยเป็นธุระจัดหา ซื้อ ขาย จำหน่าย พามาจากหรือส่งไปยังที่ใด หน่วงเหนี่ยว กักขัง จัดให้อยู่อาศัย หรือรับไว้ซึ่งเด็ก เพื่อการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการค้าประเวณี และได้กระทำแก่บุคคลอายุเกินสิบห้าปี แต่ไม่ถึงสิบแปดปี คาร้านคาราโอเกะแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ จ.นครราชสีมา. .โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แฝงตัวไปใช้บริการที่ร้านคาราโอเกะ แล้วทำทีติดต่อขอซื้อบริการเด็กสาว อายุ 16 ปี ผู้ทำหน้าที่บริการชงเหล้า เด็กสาวจึงขอตัวไปพูดคุยกับเจ้าของร้าน จากนั้นตกลงราคากัน เมื่อทำการซื้อขายและจ่ายเงินให้กับเด็กสาวเป็นที่เรียบร้อย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ดำเนินการช่วยเหลือเด็กสาวออกมาจากสถานที่ดังกล่าว.จากนั้น เป็นหน้าที่ของชุดจับกุมที่บุกเข้าไปภายในร้านเพื่อควบคุมตัว นายกฤษฎาฯ จากการตรวจค้นเบื้องต้น พบของกลางเป็นธนบัตรจำนวนหนึ่งที่ทางตำรวจได้ลงบันทึกประจำวันเอาไว้ ซึ่งคือเงินที่จ่ายเป็นค่าตัวเด็กสาวอายุ 16 ปี นอกจากนี้ยังพบกับเด็กหญิง อายุ 15 ปี ภายในร้านอีกด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการช่วยเหลือไว้ และนำตัวนายกฤษฎาฯ มายัง สภ.ปักธงชัย เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป.
.ศึกระหว่างแบงก์ชาติกับรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร น่าจะเรียกได้ว่าเริ่มนับหนึ่ง หลังจากที่นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ ออกมาพูดในทำนองด้อยค่า ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าแบงก์ชาติ ตั้งคำถามว่าจบอะไรมา ดูไม่ค่อยรู้เรื่องที่แสดงความเห็นว่าไม่ควรทุ่มไปกับเรื่องตัวเลข GDP พร้อมกับส่งสัญญาณกดปุ่มให้แบงก์ชาติต้องทำตามทั้งเรื่องการปรับลดอัตราดอกเบี้ย การบริหารจัดการไม่ให้ค่าเงินบาทแข็งเกินไป และการเพิ่มสภาพคล่องให้กับเอสเอ็มอี ขณะที่ผู้ว่าแบงก์ชาติคนปัจจุบันกำลังจะครบวาระในเดือนกันยายนปีหน้า ก็เป็นที่จับตาว่าจะมีการแทรกแซงในการตั้งผู้ว่าแบงก์ชาติในอนาคตหรือไม่.แต่นั่นก็ยังเป็นเรื่องอีกราว 1 ปี สิ่งที่ต้องโฟกัสก่อนคือการเลือกบอร์ดแบงก์ชาติ และประธานบอร์ดแบงก์ชาติที่กำลังจะเกิดขึ้นในเดือนตุลาคมนี้ ข่าวมาแรงว่ารัฐบาลจะดันนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรมว.คลัง ยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ไปเป็นประธานบอร์ดแบงก์ชาติ เพราะคราวนี้ไม่มีติดขัดเรื่องข้อกฎหมายเหมือนยุครัฐบาลเศรษฐา ที่รั้งตำแหน่งที่ปรึกษานายกฯ อยู่ เลยขยับไปไม่ได้ ตอนนี้ทางโล่งโปร่งสะดวก รอนั่งเก้าอี้แบบสบายใจ.แต่ดูเหมือนสังคมจะไม่สบายใจตามไปด้วย เพราะมีข้อกังวลว่าหากรัฐบาลผลักดันได้สำเร็จ จะกลายเป็นการเปิดประตูให้การเมืองเข้าไปล้วงลูกแทรกแซงแบงก์ชาติได้หรือไม่ เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นผลที่ตามมาคือ เสี่ยงที่จะทำให้ต่างชาติขาดความเชื่อมั่นต่อเสถียรภาพการเงินของประเทศ จนเงินทุนอาจไหลออกได้.หากเราย้อนดูพฤติกรรมการบริหารประเทศของรัฐบาลในเครือข่ายทักษิณจะเห็นว่า มีความพยายามแทรกแซงการทำงานของแบงก์ชาติมาโดยตลอด ดังจะเห็นได้จากกรณีของ หมอเลี้ยบ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ขณะเป็นรมว.คลัง ในรัฐบาลสมัคร สุนทรเวช ก็ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาจำคุก 1 ปี (รอลงอาญา) ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่ หรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือโดยทุจริต เป็นเหตุให้ผู้หนึ่งผู้ใดได้รับความเสียหาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157.สาเหตุที่ถูกลงโทษก็เป็นเพราะ นพ.สุรพงษ์ แต่งตั้งประธานและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในบอร์ดแบงก์ชาติโดยมิชอบ เนื่องจากคณะกรรมการคัดเลือกประธานและกรรมผู้ทรงคุณวุฒิในบอร์ดแบงก์ชาติ 3 รายมีลักษณะต้องห้ามตามกฎหมายธนาคารแห่งประเทศไทย ได้แก่ นายสถิต ลิ่มพงศ์พันธุ์ นายวิจิตร สุพินิจ และนายชัยวัฒน์ วิบูลย์สวัสดิ์ ซึ่งทั้งสามรายเป็นกรรมการบริหารธนาคารทหารไทย กรรมการอิสระและกรรมการตรวจสอบธนาคารทหารไทย และรองประธานกรรมการและกรรมการบริหารธนาคารกรุงไทยในขณะนั้น ตามลำดับ และธนาคารดังกล่าวอยู่ภายใต้กำกับของแบงก์ชาติ ซึ่งบอร์ดแบงก์ชาติมีบทบาทสำคัญในการกำกับดูแลนโยบายทางการเงินและเสถียรภาพการเงินของประเทศ.การที่นพ.สุรพงษ์จงใจแต่งตั้งบุคคลทั้งสาม เพื่อให้เลือกบุคคลที่ต้องการให้เข้าไปเป็นผู้ทรงคุณวุฒิในบอร์ดแบงก์ชาติ จึงอามีส่วนได้ส่วนเสียในอนาคตกับธนาคารที่อยู่ภายใต้กำกับของแบงก์ชาติ แต่หลังจากที่มีคำสั่งไปเกิดการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยกเลิกคำสั้งแต่งตั้งคณะกรรมการคัดเลือกฯ และประธานกับกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในบอร์ดแบงก์ชาติสมัย นพ.สุรพงษ์ จึงไม่ก่อให้เกิดความเสียหายมากนัก.ศาลฎีกาฯ จึงพิพากษาว่า นพ.สุรพงษ์ มีความผิดตามมาตรา 157 จำคุกหนึ่งปี ปรับสองหมื่นบาท แต่โทษให้รอลงอาญา 1 ปี.อานิสงส์จากคดีดังกล่าวทำให้มีการแก้ไจกฎหมายแบงก์ชาติ กำหนดองค์ประกอบของคณะกรรมการคัดเลือกไม่ให้มาจากข้าราชการประจำ เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและมีอิสระในการคัดเลือกมากขึ้น.นี่เป็นบทเรียนราคาแพงที่ “นาย” คนสั่งไม่ต้องรับผิดชอบแต่คนรับ “กรรม”…
.กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ร่วมกันจับกุม ชายชาวเมียนมาร์ ฐานความผิด “ซ่อนเร้นหรือช่วยเหลือด้วยประการใดๆ แก่บุคคลต่างด้าวที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมายเพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม และเป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมายพฤติการณ์ในการจับกุม” พร้อมกับผู้ต้องหาที่ 2 – 8 ฐาน “เป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยผิดกฎหมาย” นั่งอัดกันมาในรถเก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า สีเทา.จากการตรวจสอบ พบว่า นาย Tun ไม่มีใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ แต่ทำหน้าที่เป็นผู้ขับรถพาชาวเมียนมาร์ทั้งหมดลักลอบเข้ามาในประเทศไทยอย่างผิดกฎหมาย เนื่องจากบุคคลทั้ง 7 ไม่มีเอกสารหลักฐานอนุญาตให้เข้ามาในราชอาณาจักรอย่างถูกต้อง เบื้องต้นนาย Tun ให้การว่าตนได้รับจ้างพาบุคคลต่างด้าวทั้ง 7 คนจาก อ.เมืองประจวบฯ ไปส่งยัง อ.บางสะพานน้อย โดยได้รับค่าจ้างจากชาวเมียนมา ทั้ง 7 คนเป็นเงิน 2,000 บาท กระทั่งถูกตำรวจสกัดจับในที่สุด เบื้องต้นนาย Tun ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา.
นายประยุทธ เพชรคุณ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด แถลงว่า อัยการสูงสุดมีคำสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 8 ที่มีอดีตผู้บัญชาการ พล.ร.5 เป็นผู้ต้องหาที่ 1 ส่วนอีก 7 คนเป็นคนคุม และพลขับ หลังจากรับสำนวนวิสามัญฆาตกรรมและสำนวนไต่สวนชันสูตรพลิกศพของศาลจังหวัดสงขลา ก่อนมีคำสั่งสอบสวนเพิ่มเติม กระทั่งพนักงานสอบสวนส่งผลสอบสวนให้อัยการสูงสุด ในวันที่ 20 ส.ค.2567 อัยการสูงสุดพิจารณาแล้วมีคำสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 8 เพราะจากพยานหลักฐาน ถึงไม่ประสงค์ต่อผลที่จะให้ผู้ตายถึงแก่ความตายก็ตาม แต่การจัดหารถเพียง 25 คัน ในการบรรทุกผู้ชุมนุมพันกว่าคน อันเป็นการบรรทุกที่แออัดเกินกว่าจะเป็นวิธีการบรรทุกคนที่เหมาะสม อีกทั้งผู้ต้องหาที่ 1 และ 7 ซึ่งเป็นคนคุมรู้อยู่แล้วว่า จำนวนรถกับจำนวนคนไม่เหมาะสมกัน ผู้ต้องหาซึ่งเป็นคนขับรถก็เห็นถึงสภาพการบรรทุกผู้ชุมนุมดังกล่าว อันเป็นเหตุให้ผู้ตายทั้ง 78 คน ขาดอากาศหายใจในระหว่างอยู่ในความควบคุม การกระทำของผู้ต้องหาทั้ง 8 ย่อมเล็งเห็นผลได้ว่าจะทำให้ผู้ตายขาดอากาศหายใจและถึงแก่ความตายได้ จึงเป็นความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่น จึงสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 8 ตามข้อกล่าวหา ทั้งนี้อัยการสูงสุดมีคำสั่งฟ้องดังกล่าวแล้ว ได้แจ้งคำสั่งไปยัง ผบ.ตร. เพื่อดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหากับผู้ต้องหาทั้งแปด พร้อมแจ้งสิทธิและพฤติการณ์แห่งคดี และส่งตัวให้พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการจังหวัดปัตตานีต่อไป ส่วนสำนวนคดีที่ประชาชนยื่นฟ้องต่อศาลเอง ตัวผู้ต้องหาไม่ใช่ชุดเดียวกัน มีเพียงอดีตผู้บัญชาการ พล.ร.5 เป็นผู้ต้องหาคนเดียวที่มีชื่อตรงกันคนเดียว ส่วนจะมีรวมสำนวนคดีทั้งของตำรวจและราษฎรหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของศาล
.คนไทยอึ้งทั้งประเทศ เมื่อชาวเน็ตได้เผยแพร่คลิปชายคนหนึ่งที่กำลังติดป้าย “เปิดบริษัทให้เช่ารถยนต์ รถจักรยานยนต์” มาติดประกาศหน้าบ้านหลังหนึ่ง โดยข้อความบนป้ายเป็นภาษาพม่าทั้งหมด ราวกับไม่ได้มีไว้เพื่อสื่อสารกับคนไทย ซึ่งโพสต์ดังกล่าวมียอดเข้าชมกว่า 2.5 ล้านครั้ง สร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์ให้กับคนในสังคมไทยมากมาย.หลายคนมองว่า การที่ชาวเมียนมาร์เหล่านี้มาเปิดธุรกิจในไทยได้อย่างโจ๋งครึ่ม หากไม่ได้มีการจดทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมายถือเป็นการท้าทายระบบการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในประเทศไทยและเป็นการเหยียบหน้ากรมขนส่งทางบกอย่างแรงเลยทีเดียว.อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่แค่ชาวเมียนมาร์ที่ลักลอบเปิดธุรกิจในไทยอย่างผิดกฎหมาย แต่มันรวมไปถึงทุนจีนสีเทา มาเฟียรัสเซีย และชาวต่างชาติอีกหลาย ๆ สัญชาติที่ลักลอบเข้ามาทำงานในประเทศไทยโดยไม่ได้มีใบอนุญาตทำงาน (Work Permit) วีซ่า (Visa) และเสียภาษีอย่างถูกต้องตามกฎหมายด้วย วอนถึงตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จับตาดูอย่างใกล้ชิด และคอยตรวจสอบอย่างเคร่งครัด. มาเปิดบริษัทแบบนี้ก็ได้เหรอ #น้ําท่วม2567 pic.twitter.com/VdBqD9wiIx— น้องเฝ้าหน้าจอ (@hllod5) September 16, 2024
.ภาพดังกล่าว ถูกระบุว่าเป็นบ้านหลังหนึ่งที่จังหวัดเชียงใหม่ มีป้ายข้อความว่า “เราไม่ต้องการเงินอัปยศ 10,000 บาท” ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ ครม.เพิ่งมีมติเคาะแจกเงินหนึ่งหมื่นบาทให้กับกลุ่มเปราะบาง ทั้งผู้ที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและผู้พิการ ราว 14.5 ล้านคน วงเงินงบประมาณ 1.45 แสนล้านบาท โดยจะแบ่งจ่ายเป็นสี่รอบ ตั้งแต่วันที่ 25 26 27 และ 30 กันยายน. โพสต์นี้จึงเปรียบเสมือนการสวนกระแสไม่รับเงินหมื่นบาทที่รัฐบาลกำลังหว่านแหแจกให้.ส่วนผู้ที่ลงทะเบียนไปกว่า 36 ล้านคนจะได้เงินหมื่นหรือไม่ ยังไม่มีความชัดเจน เพราะตอนนี้ดูเหมือน “ดิจิทัลวอลเล็ต” จะถูกเก็บเข้าลิ้นชัก กลายเป็นไส้ในของโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจแล้ว ไม่ใช่นโยบายเรือธงของรัฐบาลเหมือนที่ผ่านมา.