- Original
- Urban Culture
- Writer
- About us
- คุยกับสส
- The Persona
- Brief
- Thai Treasure
- Urban life
- On this day
- News
- Home
- Editir pick
- Good
- Persona
- Persona
- Urban
- Business
- Politics
- Playlist
- Home
- People Voice
- Culture
- นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
- Urban Wealth
- Law
- Update
- I’m Youth Ranger
- Urban History
- Issues
- Check
Subscribe to Updates
Get the latest creative news from FooBar about art, design and business.
Browsing: News
รศ.ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง นักวิชาการอิสระ ออกมาทวงถามความรับผิดชอบจากคณะกรรมการคัดเลือกประธานกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กรณีเสนอชื่อ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ทั้งที่มีเสียงทักท้วงเรื่องคุณสมบัติ จนเป็นเหตุให้ต้องมีการคัดเลือกใหม่ รศ.ดร.เจิมศักดิ์ กล่าวในรายการ Watchdog ว่า การรณรงค์ของกลุ่ม “เศรษฐศาสตร์เพื่อสังคม” ซึ่งมี 4 อดีตผู้ว่าการ ธปท. ให้การสนับสนุน ทำให้สังคมตื่นตัวและเข้าใจถึงความสำคัญของการมี ธปท. ที่เป็นอิสระจากการเมือง แม้ กก.คัดเลือก จะพิจารณาคุณสมบัติอย่างรอบคอบมากขึ้น แต่สุดท้ายก็ยังเลือก นายกิตติรัตน์ ซึ่งถือเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เนื่องจากมีตำแหน่งเป็นประธานกรรมการกำกับแก้ไขหนี้สินของประชาชนรายย่อย ซึ่งมีอำนาจบริหารประเทศ “เมื่อเลือกคนที่มีคุณสมบัติต้องห้าม ใครต้องรับผิดชอบ? ทำไม กก.คัดเลือก ถึงดื้อ? ประธาน กก.คัดเลือก และ กก. ที่เลือกนายกิตติรัตน์ ต้องรับผิดชอบหรือไม่? โดยเฉพาะคนที่รู้แก่ใจว่าพยายามช่วยฝ่ายการเมือง ทั้งที่ไปไม่ได้ ทำให้เกิดต้นทุนมหาศาล ทั้ง ธปท. ภาคประชาสังคม และกฤษฎีกา” รศ.ดร.เจิมศักดิ์ กล่าว พร้อมตั้งคำถามถึงการคัดเลือกครั้งใหม่ว่า กก.คัดเลือก ชุดเดิมจะแสดงสปิริตลาออกหรือไม่ และกระบวนการคัดเลือกจะเป็นอย่างไร ซึ่งคาดว่ากระทรวงการคลังน่าจะเสนอชื่อใหม่ แต่ก็อาจเกิดปัญหาคัดเลือกซ้ำแล้วซ้ำเล่า หากยังไม่ได้ผู้ที่มีคุณสมบัติครบถ้วน
สำนักงาน ป.ป.ช. ออกเอกสารข่าว ระบุถึง ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันว่า ยังคงเป็นปัญหาสำคัญของประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ผลประโยชน์ทับซ้อน” ซึ่งเป็นการใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบเพื่อเอื้อประโยชน์ส่วนตนหรือพวกพ้อง ส่งผลเสียหายต่อภาครัฐ ประชาชน และประเทศชาติโดยรวมผลประโยชน์ทับซ้อน เกิดขึ้นเมื่อเจ้าหน้าที่ของรัฐเลือกที่จะรักษาผลประโยชน์ส่วนตัวเหนือผลประโยชน์ของประเทศชาติ โดยเข้าไปมีส่วนได้เสียในกิจกรรมหรือโครงการต่างๆ ที่เอื้อประโยชน์ให้กับตนเองหรือพวกพ้อง ซึ่งรูปแบบของผลประโยชน์ทับซ้อนนั้น มีหลากหลายรูปแบบ ดังนี้ การรับผลประโยชน์ต่างๆ เช่น ทรัพย์สิน ของขวัญ การลดราคา การรับบริการ ฯลฯ ซึ่งส่งผลต่อการตัดสินใจของเจ้าหน้าที่รัฐ การทำธุรกิจกับตนเอง โดยเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปมีส่วนได้เสียในสัญญาที่ทำกับหน่วยงานของตน การทำงานหลังออกจากตำแหน่ง โดยนำข้อมูลหรือความสัมพันธ์จากตำแหน่งเดิมไปแสวงหาผลประโยชน์ การทำงานพิเศษ เช่น ตั้งบริษัทแข่งกับหน่วยงานของตน หรือรับจ้างเป็นที่ปรึกษาโครงการ การรู้ข้อมูลภายใน นำข้อมูลภายในหน่วยงานไปหาผลประโยชน์ส่วนตน การใช้ทรัพย์สินของราชการเพื่อประโยชน์ส่วนตัว การนำโครงการสาธารณะลงในเขตเลือกตั้งเพื่อประโยชน์ทางการเมือง การใช้ตำแหน่งหน้าที่แสวงหาประโยชน์แก่เครือญาติ หรือระบบอุปถัมภ์ การใช้อิทธิพลเข้าไปมีผลต่อการตัดสินใจของหน่วยงานรัฐอื่น ผลประโยชน์ทับซ้อนรูปแบบอื่น ๆทางออกของปัญหานี้ คือ การปลูกฝังจิตสำนึกให้คนในสังคม โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ของรัฐ ให้ตระหนักถึง “ผลประโยชน์ส่วนรวม” และยึดมั่นในความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อป้องกันการทุจริตคอร์รัปชันทุกรูปแบบ“เรื่องใดเป็นประโยชน์ส่วนตน…เรื่องใดเป็นประโยชน์ส่วนรวม ต้องแยกออกจากกันให้เด็ดขาด”. ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #ป้องกันการทุจริตคอร์รัปชัน #ทุจริตคอร์รัปชัน #ผลประโยชน์ทับซ้อน ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่https://thepublisherth.com/
กลายเป็นประเด็นดรามาว่อนโลกโซเชียล เมื่อผู้ใช้ TikTok รายหนึ่งได้แชร์คลิปขณะถ่ายผู้โดยสารหญิงคนหนึ่งพร้อมแนบข้อความประกอบคลิป ระบุว่า “สงสัยคิดว่าเป็นบ้านตัวเอง ตอนแรกคิดว่าเป็นยาแก้ไอ หอบหืด ไม่ได้คิดไร แต่กลิ่นเขียวมาแต่ไลเลยจ้า” ในคลิปดังกล่าวเป็นภาพของผู้โดยสารหญิงกำลังหยิบยกอุปกรณ์บางอย่างขึ้นมาสูบท่ามกลางรถไฟฟ้าบีทีเอสที่แน่นขนัดไปด้วยผู้คน ซึ่งหลายคนต่างบอกว่ามันคือ “พอตกัญชา” ควันน้อยไม่เหมือนกับ “พอตบุหรี่ไฟฟ้า” แต่ถึงอย่างไรก็ตาม มันยังคงส่งกลิ่นอันเป็นลักษณะเฉพาะตัว ซึ่งทางสถานีรถไฟฟ้าได้มีป้ายกำกับอย่างชัดเจนว่า “ห้ามสูบบุหรี่ และนำวัตถุไวไฟ หรือวัตถุอันตรายเข้ามาในระบบรถไฟฟ้าบีทีเอส” แต่หญิงสาวรายนี้กลับหยิบ “ของสิ่งนั้น” ขึ้นมาสูบโดยไม่ได้สนใจว่าบนรถไฟฟ้าบีทีเอสเป็นพื้นที่ห้ามสูบบุหรี่ สะท้อนให้เห็นถึงความเห็นแก่ตัวไร้ซึ่งความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น จนมีชาวเน็ตเข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์การกระทำของเธอกันเป็นจำนวนมาก.#ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #พอตกัญชา #บุหรี่ไฟฟ้า ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่https://thepublisherth.com/
นายไพศาล พืชมงคล นักกฎหมาย โพสต์เฟซบุ๊ก ให้ข้อมูลว่า นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ เตรียมยื่นคำร้องต่อศาลฎีกา 2 ฉบับ เพื่อขอให้ไต่สวนกรณี “นักโทษเทวดา” ถูกนำตัวออกนอกเรือนจำโดยมิชอบด้วยกฎหมาย โดยชี้ว่าเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนอำนาจศาล และทำลายความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย คำร้องฉบับแรก จะยื่นต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดยกล่าวหาว่ากรมราชทัณฑ์นำตัวนักโทษเทวดาออกนอกเรือนจำโดยไม่ขออนุญาตจากศาล และไม่มีเหตุอันควรตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ซึ่งเป็นการฝ่าฝืนหมายขังของศาล จึงขอให้ศาลมีคำสั่งให้นำตัวนักโทษเทวดากลับเข้าเรือนจำ คำร้องฉบับที่สอง จะยื่นต่อประธานศาลฎีกา เพื่อขอให้ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาพิจารณา โดยระบุว่ากรณีนี้เป็นการที่ฝ่ายบริหารก้าวล่วงอำนาจศาล สมคบกันโดยเป็นเท็จว่านักโทษเทวดาป่วย และใช้อำนาจตามกฎกระทรวงยุติธรรมซึ่งขัดกับประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา เป็นการทำลายอำนาจตุลาการ และบ่อนทำลายระบอบประชาธิปไตย นายชาญชัย ย้ำว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญของชาติ หากปล่อยให้ฝ่ายบริหารย่ำยีอำนาจตุลาการ อำนาจตุลาการก็จะสูญสิ้น เป็นอันตรายต่อประเทศชาติและระบอบการปกครอง ตนจึงต้องทำหน้าที่ปกป้องรัฐธรรมนูญ และขอให้ศาลฎีกาดำเนินการต่อไป คาดว่านายชาญชัย จะยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาภายในสัปดาห์นี้
เป็นความคืบหน้าของกระทรวงมหาดไทย ต่อกรณีที่นายอำเภอพร้อมเจ้าหน้าที่ปกครอง อำเภอเหนือคลอง จังหวัดกระบี่ ถูกจับกุมตามหมายจับของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง กรณีถูกกล่าวหาเรียกรับผลประโยชน์จากผู้ประกอบการรับเหมาว่า ด้วยประเด็นนี้ได้รับความสนใจจากประชาชนในวงกว้าง ล่าสุดนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า นายอำเภอคนดังกล่าว ถูกออกจากราชการไว้ก่อน และมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนแล้ว ก่อนหน้านี้นายอนุทินมีคำสั่งให้เร่งรัดการสอบสวน ลงโทษผู้กระทำผิด สร้างความกระจ่างให้แก่ประชาชนและสังคมเร็วที่สุด รวมถึงให้ปลัดกระทรวงมหาดไทย อธิบดีกรมการปกครอง เร่งพิจารณาโทษสูงสุดที่สามารถทำได้ในชั้นของมหาดไทย สอบสวนวินัยร้ายแรง และดำเนินการสั่งพักราชการหรือให้ออกไว้ก่อนได้
สำนักข่าว ซินหัว รายงานว่าศูนย์การจัดการกีฬาหมากรุกและไพ่ สังกัดสำนักบริหารการกีฬาทั่วไปแห่งประเทศจีน ประกาศบทลงโทษบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกรณีโกงการแข่งขันเซี่ยงฉีหรือหมากรุกจีนอันอื้อฉาว จำนวน 41 ราย ซึ่งรวมถึงนักเล่นชื่อดังหลายคนโดยจ้าวซินซิน ปรมาจารย์หมากรุกจีน รวมถึงวังหยางและเจิ้งเหวยถง ได้รับบทลงโทษห้ามเข้าร่วมการแข่งขันตลอดชีวิต ขณะเดียวกันหวังคั่ว ปรมาจารย์หมากรุกจีนอีกคน และผู้เล่นอีก 33 คน ถูกลงโทษห้ามเข้าร่วมการแข่งขันในระยะเวลาที่แตกต่างกัน ส่วนผู้เล่นอีก 4 คน ได้รับบทลงโทษเป็นหนังสือแจ้งเตือนการกระทำความผิด บทลงโทษดังกล่าวเป็นผลจากการสอบสวนกรณีอื้อฉาว “บันทึกเสียงลับ” เกี่ยวกับการจัดฉากการแข่งขันของกลุ่มนักเล่นหมากรุกจีนชื่อดัง ซึ่งถูกเผยแพร่บนโลกออนไลน์และกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในเดือนเมษายน 2023
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณีมวลชนกลุ่ม คปท.บุกไปทวงเวชระเบียนรักษานายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ของโรงพยาบาลตำรวจ หลัง ป.ป.ช. ร้องขอว่า ถ้ามีการตั้งเรื่องแล้ว หน่วยงานต่างๆ ต้องให้ข้อมูล และในส่วนของกรมราชทัณฑ์ จะให้ความร่วมมือหากขอพยานหลักฐาน ทั้งนี้เท่าที่ทราบเมื่อนายทักษิณเดินทางเข้าประเทศ ก็มีเวชระเบียนมาจากต่างประเทศว่าป่วยเป็นโรคอะไร ซึ่งทางกรมราชทัณฑ์ให้ความร่วมมือ กับ ป.ป.ช. ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่ต้องให้ความร่วมมือให้ข้อมูลให้ครบ เพื่อให้เกิดความโปร่งใส มีธรรมาภิบาล ในการพิจารณาคดี ของ ป.ป.ช. เมื่อถามว่าโรงพยาบาลตำรวจเคยส่งเวชระเบียนของนายทักษิณมาให้กระทรวงยุติธรรมหรือไม่ พ.ต.อ. ทวีบอกว่าตอนที่รักษาครบ 120 วัน มีหลักฐานทางการแพทย์ส่งมาให้ เพื่อประกอบการพิจารณาให้รักษาต่อ ดังนั้นหาก ป.ป.ช. ขอมาก็ต้องให้ไป โดยมีอธิบดีกรมราชทัณฑ์เป็นผู้พิจารณา ซึ่งทางโรงพยาบาลตำรวจ ก็ต้องพิจารณาให้ ป.ป.ช. เช่นกัน แต่คงอยู่ระหว่างดูข้อกฎหมาย เพราะขณะนี้อยู่ในขั้นตั้งเรื่องไต่สวนแล้ว ก็ควรจะมอบส่งให้ ป.ป.ช. เมื่อถามว่าสามารถอ้างสิทธิ์ของผู้ป่วยได้หรือไม่ พันตำรวจเอกทวี กล่าวว่า ต้องดูข้อกฎหมาย แต่ตนคิดว่า ถ้าเราทำทุกอย่างถูกต้องตามกฏหมายก็ควรจะส่งให้ ป.ป.ช.พิจารณา
ยังคงหนาวอย่างต่อเนื่องสำหรับอากาศประเทศไทยในช่วงนี้ ที่ล่าสุด “กิ่วแม่ปาน” อุณหภูมิต่ำสุด -1.8 องศา ขนาด “กรุงเทพมหานคร” ที่หลายคนบอกว่าเดี๋ยวก็หายหนาว ยังอุณหภูมิต่ำสุด 15.2 องศา นับว่าเป็นความหนาวต่อเนื่องในรอบหลายปี ซึ่งหนาว ๆ แบบนี้หลายคนอาจจะมองข้ามโรคและภัยสุขภาพในช่วงนี้ไป The Publisher จึงอยากย้ำเตือนให้ระวังภัยจาก 4 กลุ่มโรคภัยเงียบที่มักจะปะปนมาในฤดูหนาวโดยที่ทุกคนไม่รู้ตัว กลุ่มโรคที่ 1 โรคติดต่อระบบทางเดินหายใจ ได้แก่ โรคไข้หวัดใหญ่ สามารถติดต่อจากการไอ จาม หรือสัมผัสสิ่งของที่มีเชื้อร่วมกัน หากได้รับเชื้อ จะมีอาการไข้ ไอแห้ง ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ เยื่อบุโพรงจมูกอักเสบและเจ็บคอ , โรคปอดอักเสบ เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส และเชื้อราบางชนิดที่ถุงลมปอดจากการหายใจหรือสัมผัสละอองฝอยจากน้ำมูก น้ำลายที่ปนเปื้อนเชื้อ จะมีอาการไข้ ไอ หายใจหอบเหนื่อยอาการดังกล่าวมักเป็นเฉียบพลัน และพบได้ในทุกกลุ่มอายุ แต่จะมีอาการรุนแรงในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องและมีโรคประจำตัว กลุ่มที่ 2 โรคติดต่อทางเดินอาหารและน้ำ ได้แก่ โรคอุจจาระร่วง เกิดจากการรับประทานอาหารหรือน้ำที่ไม่สะอาด มีการปนเปื้อนเชื้อโรคจะมีอาการถ่ายเหลวมากกว่า 3 ครั้งขึ้นไปใน 1 วัน อาจมีไข้หรืออาเจียนร่วมด้วย ซึ่งสามารถป้องกันได้โดยการดูแลสุขอนามัย ดื่มน้ำสะอาดและรับประทานอาหารที่ปรุงสุกและสะอาด กลุ่มที่ 3 โรคติดต่อที่สำคัญอื่นๆ ในช่วงฤดูหนาว ได้แก่ โรคหัด เกิดจากการหายใจเอาละอองอากาศที่ปนเปื้อนเชื้อไวรัสจากการไอ จามของผู้ป่วย หรือพูดคุยกันในระยะใกล้ หากป่วยอาการจะคล้ายกับไข้หวัดธรรมดา แต่จะมีไข้สูง ตาแดงและแฉะ และมีผื่นนูนแดงขึ้นติดกัน ปัจจุบันไม่มียารักษาจำเพาะ แต่มีวัคซีนที่สามารถป้องกันได้ โดยต้องฉีดเข็มแรก ตอนอายุ 9 – 12 เดือน เข็มสอง ตอนอายุ 1 ปีครึ่ง กลุ่มที่ 4 ภัยสุขภาพ การเสียชีวิตที่เกี่ยวเนื่องจากภาวะอากาศหนาว โดยไม่ทราบสาเหตุ ส่วนใหญ่เกิดจากภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน เนื่องจากไม่มีเครื่องนุ่งห่มหรือเครื่องห่มกันหนาวที่เพียงพอในพื้นที่อากาศหนาว และมีประวัติการดื่มสุราเป็นประจำ ดังนั้นควรเตรียมเครื่องนุ่งห่มกันหนาวให้พร้อมและเพียงพอ และงดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พร้อมทั้งดูแลร่างกายให้แข็งแรง ออกกำลังกายและรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เพราะฉะนั้น อย่าลืมใส่ใจสุขภาพตนเอง ด้วยการสวมใส่เสื้อผ้าให้อบอุ่นและดูแลร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ…
ตอนหนึ่งในรายการ “จิ๊กซอว์ สกัด คอร์รัปชัน” ซึ่งเป็นตอนที่ว่าด้วยการบังคับใช้กฎหมายสกัดคอร์รัปชัน มีการพูดถึงคดีทุจริตระดับประเทศ แต่กระบวนการยุติธรรมเอาผิดคนที่ทำผิดบุคคลระดับประเทศไม่ได้ โดยคุณ“อาร์ต ถึงแก่น” อรรทิตย์ฌาณ คูหาเรืองรอง อนุกรรมการประชาสัมพันธ์มูลนิธิต่อต้านการทุจริต และอนุกรรมการสื่อสารองค์กร เพื่อการต่อต้านทุจริต สำนักงาน ป.ป.ช. ตั้งคำถามเรื่องนี้ กับคุณนพพล ชูกลิ่น อนุกรรมการสำนักงานประเมินการปราบปราม และอนุกรรมการสินบน สำนักงาน ป.ป.ช. ว่ากรณีนี้ทำให้ประชาชนเสื่อมศรัทธาในกระบวนการยุติธรรม จนต้องมาปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมหรือไม่ คุณนพพลบอกไม่เฉพาะประชาชนคนไทยที่เสื่อมศรัทธา คนต่างชาติที่มองประเทศไทย ก็เสื่อมศรัทธาในกระบวนการยุติธรรมเหมือนกัน ซึ่งมีผลต่อการค้าการลงทุน เพราะไม่มั่นใจว่าเมื่อมีข้อพิพาทเกิดขึ้นพวกเขาพึ่งพากระบวนการยุติธรรมได้แค่ไหน พึ่งพิงกระบวนการยุติธรรมไทยได้หรือไม่ พร้อมยกตัวอย่างกรณีคนไทยด้วยกัน แต่ตีความเพื่อเพิ่มอภิสิทธิ์ให้คนๆ นั้น แม้ศาลตัดสินว่าผิดแต่ไม่ต้องเข้าเรือนจำ ซึ่งไม่ควรเกิดขึ้นในประเทศไทย “นี่เป็นตัวอย่างที่ทำให้คนไทยรู้สึกว่ากระบวนการยุติธรรมไม่ได้เป็นที่พึ่ง มีผลอย่างมากทำให้กระบวนการยุติธรรมไม่สามารถเดินไปข้างหน้าได้ ต้องปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม” จิ๊กซอว์สกัดคอร์รัปชัน : คอร์รัปชัน ไม่ใช่แค่เรื่องของ “สินบน” | EP.1 🔴 ติดตามชมรายการ “จิ๊กซอว์สกัดคอร์รัปชัน” ได้ทาง▪️ Facebook : https://www.facebook.com/ThePublisherth/▪️ YouTube : https://www.youtube.com/@thepublisher3942▪️ TikTok : https://www.tiktok.com/@thepublisherth ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #จิ๊กซอว์สกัดคอร์รัปชัน #คอร์รัปชัน #อาร์ตถึงแก่น #นพพลชูกลิ่น #ต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่https://thepublisherth.com/
เกมชิงตำแหน่งประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กลับมาเดือดอีกครั้ง! หลังจาก “กิตติรัตน์ ณ ระนอง” ผู้ได้รับเลือกคนก่อน ต้องชวดเก้าอี้ เพราะติดคุณสมบัติต้องห้าม ตามคำวินิจฉัยของกฤษฎีกา เปิดศึกชิงดำรอบสอง ท่ามกลางความสนใจของ แวดวงการเงินและการเมือง ตามกฎหมาย กระทรวงการคลังและ ธปท. ต้องเสนอรายชื่อผู้สมควรดำรงตำแหน่ง ปธ.บอร์ด ธปท. โดยกระทรวงการคลังเสนอ 1 รายชื่อ และ ธปท. เสนอ 2 รายชื่อ ให้คณะกรรมการคัดเลือกพิจารณา ซึ่งก่อนหน้านี้ กระทรวงการคลัง เคยเสนอชื่อ “กิตติรัตน์” แต่ต้องล้างไพ่เลือกใหม่ หลัง “กิตติรัตน์” มีคุณสมบัติต้องห้าม ล่าสุดมีรายงานว่า ธปท. เตรียมเสนอชื่อ “วิรไท สันติประภพ” อดีตผู้ว่าการ ธปท. และ “อาคม เติมพิทยาไพสิฐ” อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เข้าชิงชัย ขณะที่กระทรวงการคลังยังคงอุบไพ่ สร้างความร้อนระอุให้กับศึกชิงเก้าอี้ครั้งนี้ คำถามที่น่าสนใจคือ รัฐบาลจะเสนอชื่อใครเข้ามาชิงตำแหน่ง? “เด็กในคาถา” คนใหม่ จะฝ่าด่านอรหันต์ไปได้หรือไม่? และเบื้องหลังเกมชิงอำนาจใน ธปท. ครั้งนี้ มีธงการเมืองอะไรแอบแฝงอยู่หรือเปล่า? แม้การเลือก ปธ.บอร์ด ธปท. จะล่าช้า แต่กฎหมายได้กำหนดให้ รองประธานบอร์ด ซึ่งปัจจุบันคือนาย “เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ” ผู้ว่าการ ธปท. รักษาการแทนได้ ดังนั้นจึงไม่เกิดสุญญากาศในการทำงาน อย่างไรก็ตาม ศึกยกใหม่ชิงตำแหน่ง ปธ.บอร์ด ธปท. ครั้งนี้ ถือเป็นเกมการเมืองที่เข้มข้น และน่าจับตามองอย่างยิ่ง คำถามสำคัญที่สังคมต้องร่วมกันหาคำตอบคือ ใครคือผู้ที่เหมาะสมที่สุด ที่จะนำพา ธปท. ฝ่าคลื่นลมเศรษฐกิจโลก และสร้างความมั่นคงทางการเงินให้กับประเทศไทย ในยุคแห่งความท้าทายนี้ ?.บทความ โดย สมจิตต์ นวเครือสุนทร ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #ประธานบอร์ดแบงก์ชาติ #แบงก์ชาติ #บอร์ดแบงก์ชาติ #กิตติรัตน์ณระนอง ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่https://thepublisherth.com/