แฟนคลับทั่วโลกต่างร่วมส่งกำลังใจ จากกรณี “จ้าวลู่ซือ” นางเอกซุปตาร์ชื่อดังจากแดนมังกร เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลและหยุดการทำงานทั้งหมด หลังเจ้าตัวได้รับการวินิจฉัยว่าป่วยหนักจากการติดเชื้อไข้หวัดขั้นรุนแรง จนเกิดภาวะ “อะเฟเซีย” (Aphasia) หรือ ภาวะสูญเสียความสามารถในการพูดสื่อสาร ซึ่งเป็นผลมาจากการที่เธอนั้นโหมงานหนักและไม่ได้เข้ารับการรักษาอย่างทันท่วงที
ซึ่งนอกจากผลกระทบทางด้านร่างกายแล้ว เธอยังต้องเผชิญกับผลกระทบทางด้านจิตใจ จากการถูกชาวเน็ตและแอนตี้แฟนที่สร้างข่าวเท็จขึ้นมาเพื่อโจมตีเธอ
ล่าสุด “จ้าวลู่ซือ” เคลื่อนไหวเป็นครั้งแรกหลังจากที่เธอพักรักษาตัว โดยเธอได้อัปเดตเรื่องราวทั้งหมดผ่าน Weibo ของเธอเพื่อบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมด ระบุว่า “การตอบกลับครั้งแรก และครั้งสุดท้ายต่อเหตุการณ์ล่าสุด ขอโทษที่ใช้พื้นที่สาธารณะ ก่อนหน้านี้ฉันไม่เคยปล่อยให้ความเจ็บป่วยของฉันส่งผลกระทบต่อการทำงาน หรือคนรอบข้างฉันยังยอมรับปัญหาของตัวเองด้วยเนื่องจากฉันมักจะอดทน”
“ดังนั้นในช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมา ฉันจึงตระหนักได้ว่าฉันไม่ได้ใจกว้างและให้อภัยจากใจอย่างที่คิด ฉันจึงต้องรับผิดชอบด้วยอาชีพการงานของฉัน ทำให้ฉันได้รับความช่วยเหลือ และการสนับสนุนมากกว่าที่ฉันจะจินตนาการได้”
“ฉันรู้สึกขอบคุณและโชคดีจริงๆสิ่งนี้ช่วยให้ฉันเข้าใจ ความเข้าใจผิดทั้งหมดฉันสนับสนุนสิทธิของทุกคนในการเลือกอาชีพที่ต้องการ เพราะคุณมีสิทธิ์ที่จะหลีกหนีจากสถานการณ์ที่นำมาซึ่งความทุกข์ และความ เหนื่อยล้า คุณสามารถหยุดได้ทุกเมื่อคุณจะเป็นอิสระ และคุณสามารถกล้าหาญได้”
“ฉันเข้าใจด้วยว่าทุกคนต้องเผชิญกับความคับข้องใจ และความอยุติธรรม ฉันได้ยินเรื่องราวที่น่ากลัวมากเกินไป เมื่อไม่ได้รับความช่วยเหลือ และผู้ที่ทำร้าย ยังคงทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะประกอบอาชีพใด อายุเท่าไหร่ หรือเพศไหน ถือเป็นสิ่งที่ผิด”
“การบังคับให้ใครสักคนเปิดบาดแผลของตนเองอีกครั้ง เพื่อพิสูจน์ว่า “ไม่ได้คิดมากเกินไป” “ไม่ได้อ่อนแอ” หรือ “ไม่ได้ไม่พอใจ” เป็นเรื่องไร้สาระ ไม่มีใครมีสิทธิ์ตัดสินความรุนแรงของบาดแผลทางจิตใจของใครคนใดคนหนึ่งได้ นอกจากแพทย์เท่านั้น หรือตัดสินว่า อาการนั้นเข้าข่ายอาการป่วยหรือไม่”
“ในปี 2019 ฉันประสบกับภาวะซึมเศร้า ผู้คนต่างบอกกับฉันว่า “อย่าคิดมาก เกินไป” หรือ “ถ้าคุณคิดบวกทุกอย่างจะดีขึ้น” ฉันยังคิดว่าตัวเองเป็นคนดรามา และอ่อนไหวเกินไปและไม่ได้ใส่ใจสุขภาพจิตของตัวเองอย่างจริงจัง”
“ในปี 2021 ฉันรู้สึกเหมือนมีแมลงไต่อยู่บนตัวฉัน เหมือนกับมีเข็มทิ่มแทงฉัน พร้อมกับอาการแพ้หลังจากไปพบแพทย์รับยา และฉีดยาอาการต่างๆก็ไม่ดีขึ้น ฉันจึงไปพบนักจิตวิทยา เพื่อช่วยบรรเทาความวิตกกังวล”
“ในปี2023 ฉันประสบกับโรคปอดบวมถุงลมโป่งพองโรคผิวหนังอักเสบโรคลมพิษ เหงื่อออกตอนกลางคืนสูญเสียการได้ยินจากเส้นประสาท และการสูญเสียคนที่รัก และข่าวโรคมะเร็งที่เกิดกับสมาชิกในครอบครัวเหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาสั้นๆ บดบังอารมณ์ของฉัน และฉันยังคงละเลยสุขภาพของตัวเองต่อไป”
“ในปี 2024 ฉันเริ่มอาเจียนบ่อยเวียนหัวปวดข้อปวดคอและมีอาการทางกายอื่นๆ ที่ชัดเจนรวมถึงอาการแพ้ที่แย่ลงฉันคิดว่าสิ่งเหล่านี้เป็นผลข้างเคียงปกติของยาที่ออกฤทธิ์ต่ออาการแพ้”
“ตอนที่ฉันยังเป็นเด็กผู้คนเรียกฉันว่า “หน้าตาดี” แต่ไร้ประโยชน์ ในระหว่างที่เรียนพิเศษนอกหลักสูตรฉันถูกตีในหอพักของครู ตอนนั้นฉันคิดว่าการถูกลงโทษ เพราะเรียนไม่เก่งเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ฉันไม่กล้าพูดออกมา เพราะฉันถูกสอนให้ “ค้นหาปัญหาภายในตัวเองอยู่เสมอ”
“เมื่อฉันโตขึ้นฉันถูกตีอีกครั้ง เพราะไม่ได้รับบทบาทในการแสดงฉันคิดว่า เป็นความผิดของฉันเอง ฉันจึงไม่กล้าทำเรื่องใหญ่โต ฉันแค่อยากหนีฉันเคยชินกับการจัดการ ปัญหาด้วยตัวเอง และไม่มีนิสัยชอบหาความช่วยเหลือ ต่อมาเมื่องานของฉันได้รับการยอมรับ ฉันจึงกล้าที่จะบอกลากับคนที่ทำร้ายฉัน ในท้ายที่สุดคนๆนั้นก็เรียกร้อง “ค่ายกเลิกสัญญา” จำนวนมากก่อนที่พวกเขาจะ ยอมหยุดพฤติกรรมหลอกลวงของพวกเขา ตามมาด้วยการใส่ร้ายฉันนับครั้งไม่ถ้วน ทั้งภายในและภายนอกวงการความเจ็บปวดก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นความเสียหายไม่เคยหลุดลง”
“ฉันเข้าใจว่า ฉันไม่มีสิทธิ์ที่จะต้องการทุกอย่าง และไม่สามารถเรียกร้องให้เพื่อน ครอบครัว หรือบริษัทสมบูรณ์แบบได้ความจริงที่ว่า พวกเขาไม่ได้ทำร้ายฉัน และพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อปกป้องฉันนั้นก็มากเกินพอแล้ว”
“ฉันไม่เคยพูดถึงอาการป่วยของฉันมาก่อน เพราะฉันไม่อยากให้มันกลายเป็น สิ่งที่เรียกว่า กระแสฮือฮา แต่อย่างไรก็ตามเนื่องด้วยสถานการณ์ปัจจุบัน ฉันจึงอยากแบ่งปันเรื่องนี้ เพื่อให้ผู้คนเข้าใจมากขึ้น ถึงคนที่เข้าใจฉัน : ในสถานการณ์เช่นนี้ไม่สำคัญอีกต่อไปว่า คุณจะถูก “เข้าใจ” จริง ๆ หรือไม่ สิ่งสำคัญคือการหลุดพ้นจากวัฏจักรที่ไม่มีวันจบสิ้นของการพิสูจน์ตัวเองและค้นหาวิธีช่วยเหลือตัวเอง”
“การเข้าใจสุขภาพจิต และให้ความสำคัญกับการบำบัดทางจิตวิทยาเป็นสิ่งสำคัญอย่างแท้จริง ความเสียใจเป็นอารมณ์ที่ไร้ประโยชน์ให้มองว่านี่เป็น “ช่วงเวลาพิเศษ” ที่จะพลิกกลับความขัดแย้งภายในและสร้างตัวเองขึ้นมาใหม่ ฉันรู้สึกขอบคุณทุกคนที่ห่วงใยเพราะความรักฉันจึงได้มีชีวิตอีกครั้ง ขอให้ทุกคนสุขสันต์ในปีใหม่และมีความสุขทุกวัน”
โดย “จ้าวลู่ซือ” ได้โพสต์รูปภาพของตัวเองขณะรักษาตัวพร้อมใบวินิจฉัยโรคทางการแพทย์ โดยขณะนี้กำลังป่วยเป็น ‘Conversion disorder’ คือ ภาวะที่ปัญหาสุขภาพจิตมาขัดขวางการทำงานของสมอง ส่งผลให้เกิดอาการทางกายที่ไม่สามารถควบคุมได้ ซึ่งโพสต์ดังกล่าวมีแฟนคลับและคนที่รักและสนับสนุนเธอเข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็นและส่งกำลังใจเป็นจำนวนมาก
ขอบคุณ : ZhaolusiTH
ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่
https://thepublisherth.com/