“ผมไม่ได้บอกว่าฝุ่นควันในเชียงใหม่เป็นปัจจัยเดียวที่ทำให้ผมกลายเป็นมะเร็งปอด เพราะก็มีคนอื่นที่สูดฝุ่นเหมือนกัน การเกิดมะเร็งในปอดผมมันเกิดจากหลายปัจจัยรวมๆ กัน โดยเฉพาะตัวหลักคือกรรมพันธุ์ของครอบครัวผมแต่กรรมพันธุ์มันก็เหมือนกับลูกโม่ที่อยู่ในปืนแหละครับ ส่วนสิ่งแวดล้อมที่เราเจอมันก็เหมือนคนลั่นไกปืนนั้น เราเปลี่ยนพันธุกรรมและสายเลือดเราไม่ได้ก็จริง แต่เราน่าจะจัดการกับสิ่งแวดล้อมได้นะครับเพราะผมเองก็ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ว่าเรื่องฝุ่นควันนี่แหละที่เป็นหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่เพิ่มโอกาสการเกิดมะเร็งปอดครับ”
เป็นส่วนหนึ่งหมอกฤตไท ธนกฤตสมบัติ เล่าเรื่องราวไว้ผ่านเฟซบุ๊กเพจ “สู้ดิวะ” หลังพบว่าตัวเองป่วยเป็นมะเร็งปอดระยะลุกลามช่วงปลายปี 2565 ก่อนจากไปเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2566 ด้วยวัยเพียง 29 ปีเท่านั้น
การจากไปของ “หมอกฤตไท” นำมาซึ่งความตื่นตัวในการเรียกร้อง “อากาศสะอาด” อยู่พักใหญ่ ก่อนกระแสจะจางจายไป พร้อมเรื่องใหม่ ๆ เข้ามาทดแทน
The Publisher ตรวจสอบสถานะของ พ.ร.บ.อากาศสะอาด ซึ่งถือเป็นความหวังในการต่อสู้กับฝุ่น PM2.5 หลังการจากไปของหมอกฤตไท ครบรอบ 1 ปี ในวันที่ 5 ธันวาคม พบว่า ไทม์ไลน์การขับเคลื่อนกฎหมายฉบับนี้มีการผ่านสภาฯวาระที่ 1 เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2567 โดย กมธ.ฯ พิจารณา ร่าง พ.ร.บ. ฉบับที่ 8 ซึ่งรวบรวมจาก 7 ฉบับก่อนหน้า เพื่อให้ครอบคลุมทุกมิติ ซึ่งกลางเดือนธันวาคมนี้ จะมีการเปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน จากนั้นปลายเดือนธันวาคม นำเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ วาระที่ 2 และ 3 ก่อนชงเข้าวุฒิสภาในช่วงต้นปี 2568 และคาดว่าจะประกาศใช้บังคับได้ภายในปีเดียวกัน
1 ปีกับการจากไปของ “หมอกฤตไท” ประเทศไทยยังคงวนเวียนอยู่กับฤดูเผา-ฤดูฝุ่น กับความหวังว่า ปัญหาจะไม่รุนแรงยิ่งขึ้น จนเราต้องเป็นประชาชนที่อยู่ในประเทศที่ต้องซื้ออากาศหายใจ อย่างที่ “หมอกฤตไท” เคยตั้งคำถามไว้
.