จากกรณีศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง พิพากษาจำคุก 2 ปี “พิรงรอง รามสูต” กรรมการ กสทช. ด้านกิจการโทรทัศน์ จากการออกหนังสือเตือนกรณีโฆษณาแทรกบนแพลตฟอร์มทรูไอดี เกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในแวดวงนักวิชาการ ผู้บริโภค และในโลกออนไลน์
ลำดับเหตุการณ์สำคัญ
- ปี 2566: ผู้บริโภคร้องเรียนกรณีทรูไอดีแทรกโฆษณาในช่องรายการทีวีดิจิทัล
- กสทช. โดยคณะอนุกรรมการที่มี “พิรงรอง รามสูต” เป็นประธาน มีมติให้สำนักงาน กสทช. ออกหนังสือเตือนไปยังผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล ให้ทำตามกฎ Must Carry อย่างเคร่งครัด
- บริษัท ทรูดิจิทัล กรุ๊ป จำกัด มองว่าหนังสือเตือนดังกล่าวสร้างความเสียหาย จึงยื่นฟ้อง “พิรงรอง รามสูต” ฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ
- 6 กุมภาพันธ์ 2568: ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง พิพากษาจำคุก 2 ปี “พิรงรอง รามสูต”
กระแสสังคมและการเคลื่อนไหว
ก่อนหน้าวันตัดสิน มีความเคลื่อนไหวจากกลุ่มนักวิชาการและผู้บริโภค ที่มองว่าคดีนี้เป็นตัวอย่างของการที่ กสทช. ทำหน้าที่คุ้มครองผู้บริโภคแล้วถูกฟ้องร้อง จึงมีการรณรงค์ให้กำลังใจ “พิรงรอง รามสูต” ผ่านแฮชแท็ก #saveพิรงรอง #freeกสทช
หลังศาลมีคำพิพากษา นักวิชาการและผู้บริโภคยังคงเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง โดยมีการตั้งคำถามถึงความเหมาะสมของการตัดสิน และผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อการทำหน้าที่ของ กสทช. ในการกำกับดูแลกิจการโทรคมนาคม
อนาคตของคดีและผลกระทบ
- “พิรงรอง รามสูต” ยังมีสิทธิ์ในการยื่นอุทธรณ์คดี แต่หากไม่ได้รับการประกันตัวระหว่างรอการอนุมัติการอุทธรณ์ จะสิ้นสภาพการเป็น กสทช.
- คดีนี้อาจเป็นบรรทัดฐานใหม่ของการตีความกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการกำกับดูแลกิจการโทรคมนาคม และส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยงานกำกับดูแลในอนาคต
ประเด็นที่ต้องจับตา - ท่าทีของ กสทช. ต่อคดีนี้ และแนวทางการกำกับดูแลกิจการโทรคมนาคมในอนาคต
- การเคลื่อนไหวของนักวิชาการและผู้บริโภคต่อผลคำพิพากษา
- ผลกระทบของคดีนี้ต่อความเชื่อมั่นของประชาชนต่อหน่วยงานภาครัฐ
คดีนี้เป็นเครื่องสะท้อนถึงความซับซ้อนของการทำหน้าที่ของหน่วยงานกำกับดูแล ที่ต้องรักษาสมดุลระหว่างการคุ้มครองผู้บริโภคและการสนับสนุนการแข่งขันที่เป็นธรรมในตลาด การตัดสินใจของศาลในคดีนี้ จะเป็นบทเรียนสำคัญสำหรับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง