จากกรณีที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีนโยบายตัดเงินช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาลของผู้อพยพในประเทศต่างๆ รวมถึงประเทศไทย ส่งผลกระทบต่อค่ายผู้อพยพตามแนวชายแดนไทย-เมียนมา โดยเฉพาะ จ.ตาก และแม่ฮ่องสอน ที่อาจต้องปิดให้บริการนั้น
นายสุทิน วรรณบวร อดีตผู้สื่อข่าวสำนักข่าวต่างประเทศ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Sutin Wannabovorn ระบุว่า ตามกฎหมายไทยไม่มีค่ายผู้ลี้ภัย และไทยไม่ได้ลงนามในอนุสัญญา 151 ว่าด้วยผู้อพยพ แต่ที่รับผู้ลี้ภัยมาไว้ในค่ายต่างๆ กว่า 40 ปี เป็นเพราะความ “หน้าใหญ่ใจโต” ของสหรัฐฯ ที่เสนอเงินช่วยเหลือ
นายสุทิน ยังวิพากษ์วิจารณ์ UNHCR ว่ามีระเบียบที่ทำให้ประเทศที่รับผู้ลี้ภัยไม่สามารถผลักดันผู้ลี้ภัยกลับประเทศได้ จนกว่าจะมีประเทศที่สามรับไปตั้งรกราก หรือมั่นใจว่าส่งกลับไปแล้วจะปลอดภัย ทำให้สื่อตะวันตกปลุกกระแสปั่นข่าวสงครามในพม่า เพราะ UNHCR อ้างว่าส่งชาวกะเหรี่ยงกลับพม่าไม่ปลอดภัย นอกจากนี้ ยังกล่าวหาว่า UNHCR กับ USAID ย่ามใจกับเงินช่วยเหลือ ก่อนที่ทรัมป์จะตัดเงินช่วยเหลือ
”ถ้าเราเป็นแพทย์อยู่ ร.พ.ชายแดนแล้วถูกสั่งให้ไปดูแลคนป่วยในค่ายผู้ลี้ภัยที่ ICRC กับ UNHCR สร้างภาระ (ขี้) ทิ้งไว้ เราจะลาออกทันที เนื่องจากว่าตามกฎหมายประเทศไทยไม่มีค่ายผู้ลี้ภัย ไม่มีค่ายผู้อพยพ ประเทศไทยมิได้ลงนามใน อนุสัญญา 151 ว่าด้วยผู้อพยพ แต่ที่เรารับผู้ที่อ้างว่าลี้ภัยสงครามมาไว้ในค่ายต่างๆกว่า 40 ปีนั้น เป็นความหน้าใหญ่ใจโตของอเมริกาที่เสนอเงินช่วยเหลือผู้ที่อ้างว่าลี้ภัยมาไว้ในค่ายโดยสมคบกับสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้อพยพ UN ที่รู้จักกันว่า UNHCR ซึ่งรับอาสาจะดูผู้ที่อ้างว่าลี้ภัยเพื่อได้เงินทอนก้อนใหญ่ เพราะนอกจาก UNHCR ได้รับเงินช่วยเหลือจาก USAID แล้วยังรับบริจาค จากทั่วโลกซึ่งปัจจัยหลั่งไหลเข้ามาสู่ UNHCR ปีละมหาศาล พวกลูกจ้าง UNHCR ผลาญกันสำราญใจ จึงไม่แปลกใจลูกจ้าง UNHCR ปลุกระดมสร้างกระแสให้ชาติพันธุต่างๆแห่เข้ายังค่ายผู้อพยพ UNHCR กับ USAID ย่ามใจกับเงินทอนมานานจนนึกไม่ถึงว่าทรัมป์จะรู้ทันตัดเงินช่วยเหลือแบบฟ้าผ่า เลยทิ้งขี้ไว้ให้แพทย์ไทยเช็ดล้าง
นี่คือความชอบที่แพทย์ไทยไม่ต้องไปช่วยผู้อ้างว่าลี้ภัยในค่าย แพทย์ไทยลาออกเสียดีกว่าไปล้างขี้ให้ UNHCR“