“กลวิธีแกล้งป่วย ไม่ต้องถูกคุมขัง ทำลายระบบยุติธรรม ที่ไม่สามารถยอมรับได้” รังสิมันต์ โรม ปธ.กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐฯ
วันที่ 7 พฤศจิกายนนี้แล้วที่ คณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐฯ สภาผู้แทนราษฏร ได้ฤกษ์ดีสอบปมนายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งตอนนั้นต้องโทษจำคุก แต่ไปพักรักษาตัวบนชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ โดยเชิญบุคคลที่เกี่ยวข้องมาให้ปากคำ เรื่องนี้ The Publisher และรายการเที่ยงเปรี้ยงปร้าง เกาะติดมาตลอดและได้มีโอกาสสัมภาษณ์คุณรังสิมันต์ โรม ประธานกรรมาธิการฯ ถึงเบื้องลึก เบื้องหลัง และความคาดหวังจะได้ข้อมูลข้อเท็จจริงที่ซ่อนอยู่บนชั้น 14 อย่างไร
The Publisher : ประเด็นที่คณะกรรมาธิการสนใจที่สุดบนชั้น 14 คือะไร
รังสิมันต์ : ต้องยอมรับนะครับว่าการที่คุณทักษิณเข้ารักษาตัวที่ชั้น 14 ของโรงพยาบาลตำรวจมันเป็นสิ่งที่สังคมตั้งคำถามตลอดว่าการไม่ได้ใช้ชีวิตเหมือนกับนักโทษคนอื่นๆ เป็นเรื่องที่ยอมรับได้หรือเปล่า เป็นเรื่องจริงหรือเปล่าว่าเป็นการเจ็บป่วยไม่สบาย หรือเป็นการใช้อำนาจโดยไม่ชอบของเจ้าหน้าที่รัฐที่ช่วยเหลือคุณทักษิณ ดังนั้นการเข้าพบของคนนั้นคนนี้ซึ่งมันมีข้อมูลออกมา ไม่ว่าจะเป็นจากท่านเสรี (พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมีย์เวส) จากบิ๊กโจ๊ก (พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล) ตกลงแล้วสุขภาพของคุณทักษิณเป็นอย่างไร แล้วการเข้าพบตรงนั้นมีนัยยะทางกฎหมายที่จะต้องพิจารณาต่อหรือไม่ว่าการกระทำมิชอบหรือชอบด้วยกฎหมาย จากทั้งฝั่งของเจ้าหน้าที่รัฐที่เราได้เรียกมาชี้แจงว่ามีรายละเอียดอย่างไร ไปตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏในข่าวสารบ้านเมืองหรือไม่
The Publisher : เชิญส่วนไหนมาชี้แจงบ้าง
รังสิมันต์ : มีหมอใหญ่ มีบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับการพิจารณาในเรื่องของสุขภาพของคุณทักษิณ จะเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องโดยตรงทั้งสิ้น เชิญกรรมาธิการที่ศึกษาเรื่องนี้อย่างนายแพทย์หมอวาโย (อัศวรุ่งเรือง) ในฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องทางด้านสาธารณสุขเข้ามาด้วย
The Publisher :ทุกคนที่เชิญไปตอบรับมาหมดไหม
รังสิมันต์ : การเชิญของผมค่อนข้างเจาะจงไปที่ตัวบุคคล ดังนั้น การเจาะจงแบบนี้ โดยปกติ ก็ไม่สามารถมอบผู้แทนได้ เพราะไม่มีใครชี้แจงได้ ดังนั้นถ้าเกิดว่ามาไม่ได้ก็ต้องมีคำชี้แจงให้กับเราว่าติดอะไรสาเหตุอะไร มิเช่นนั้น การไม่มาเท่ากับไม่ให้ความร่วมมือกับสภาผู้แทนราษฎร
The Publisher : พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์พูดชัดเจนว่าจะไม่ไป เพราะไม่มั่นใจกรรมาธิการ
รังสิมันต์ : เข้าใจในสิ่งที่ท่านเสรีพูดถึง แต่ในการที่เราเชิญแล้ว เรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องจะมีสองกลุ่ม กลุ่มแรกก็คือท่านเสรี บิ๊กโจ๊ก กับอีกส่วนเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องกับการใช้อำนาจหน้าที่ในเวลานั้นแล้วก็ยังดำรงตำแหน่งในแวดวงวงราชการในปัจจุบัน ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความสำคัญอย่างมาก แล้วมันเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยชอบด้วยกฏหมายหรือไม่ ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นบิ๊กโจ๊กหรือท่านเสรีอาจเป็นพยานสำคัญในเรื่องของการให้ข้อมูลว่าตกลงแล้วข้อเท็จจริงแล้วที่มีการไปพบคุณทักษิณเป็นอย่างไร แต่ว่าปากคำสำคัญอยู่ที่ฝั่งของราชการ ที่เราต้องสอบถามว่าตกลงแล้วการปฎิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐในเวลานั้นเป็นอย่างไร
The Publisher : เราคาดหวังในการทำหน้าที่ส่วนนี้ บทสรุปที่เราคิดว่าจะเดินไปมันคืออะไร
รังสิมันต์ : บทบาทหน้าที่ของกรรมาธิการ ในเรื่องทางกฎหมายมันก็มี เช่นได้ข้อเท็จจริงอย่างไรได้พยานหลักฐานอย่างไรต้องส่งให้เจ้าหน้าที่บ้านเมือง ที่มีอำนาจหน้าที่โดยตรงดำเนินการ แต่อีกส่วนหนึ่งคือเรื่องทางการเมือง ซึ่งก็เป็นเรื่องที่เกี่ยวพันกับความรับรู้ของพี่น้องประชาชนโดยตรง อันนี้มันก็คือบทบาทของกรรมธิการ ที่เราต้องทำให้พี่น้องประชาชนได้ทราบข้อเท็จจริงที่ผ่านมา มันเป็นเรื่องของการสังคมสงสัยและวิพากษ์วิจารณ์ แน่นอนอาจจะเห็นภาพที่มันดูแล้วทำให้เชื่อว่าการที่คุณทักษิณป่วยตกลงมันป่วยจริงหรือเปล่า ไม่ว่าจะเป็นภาพคุณทักษิณถอดปลอกคอ ภาพของการลงพื้นที่ ภาพของการเดินสายทางการเมืองต่างๆ ทั้งหมดนี้มันก็ทำให้เกิดข้อสงสัยในเรื่องของสุขภาพของคุณทักษิณว่าจริงๆแล้ว คุณทักษิณก็ไม่ได้ป่วยอะไรขนาดนั้นคือเราก็เข้าใจว่าคุณทักษิณ โดนรัฐประหารหนีไปอยู่ต่างประเทศแล้วอยากกลับมาในประเทศไทย แต่ว่าการใช้กลวิธีในการที่จะแกล้งป่วย ดำเนินการเพื่อไม่ให้ตัวเองต้องเข้าไปอยู่ในห้องขังเลยแม้แต่วันเดียว คิดว่าวิธีการที่ใช้อยู่ในทุกวันนี้มันเป็นการทำลายระบบยุติธรรม ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่สามารถยอมรับได้
The Publisher :ถ้ากรรมาธิการได้บทสรุปแล้ว สิ่งที่จะต้องส่งต่อไปเพื่อให้เกิดการจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นคืออะไร
รังสิมันต์ : ต้องได้บทสรุปก่อนแล้วก็ขอดูบทสรุปก่อน ไม่ใช่เรื่องที่ต้องรีบตัดสินใจทันทีในตอนนี้คิดว่าจะต้องฟังให้มากที่สุด ซึ่งตอนนี้เราก็ฟังไม่ว่าจะเป็นหมอใหญ่ที่เกี่ยวข้อง แพทย์ใหญ่ที่เกี่ยวข้อง ไปจนถึงแน่นอนถ้ามันมีผู้ที่เกี่ยวข้องมากกว่านี้ ก็คงต้องมีการเรียกในการที่จะให้ข้อมูลในกรรมาธิการต่อไป
The Publisher : จากสิ่งที่ ป.ป.ช.กำลังสอบอยู่ก็ดูเหมือนไม่ค่อยได้ความร่วมมือเท่าไหร่จากทางโรงพยาบาลตำรวจ ไม่ว่าจะเป็นกล้องวงจรปิด หรือแม้แต่เรื่องของเวชระเบียน ได้ขอไปด้วยหรือเปล่า
รังสิมันต์ : จริงๆเราเน้นไปที่การซักถามก่อน ซึ่งในเรื่องของเวชชระเบียนเราก็ติดตามอยู่ดูเหมือนเอกสารชิ้นนี้จะเป็นเอกสารที่ทุกฝ่ายดูเหมือนจะยากมากเลย แต่ว่าเบื้องต้นเราถามกับคนที่เกี่ยวข้องว่าจะใช้อำนาจเรียกข้อมูลได้หรือไม่ ก็ไม่แน่ใจว่าจะได้หรือเปล่า ท่าทีของหน่วยงานที่ครอบครองเอกสารชิ้นนี้ดูไม่ปกติเท่าไหร่ เพราะถ้าเป็นเอกสารโดยทั่วไปขอได้ไม่ยาก ดังนั้นการที่ไม่ให้เอกสารมันก็ทำให้เราคิดไปต่างๆนาๆ ว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น
The Publisher : หมายถึงมันกลายเป็นพิรุธ
รังสิมันต์ : จะเรียกแบบนั้นก็ได้ ผมเองก็ไม่อยากจะกล่าวหามาก ยังอยากจะฟัง พยายามที่จะวางตัวเพื่อที่จะรับฟังจากทุกฝ่ายให้ได้มากที่สุด
The Publisher : ในส่วนของ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) เคยมีบทสรุปไปแล้ว กรณีนี้มีการเอื้อประโยชน์ให้กับทางคุณทักษิณ ทั้งโรงพยาบาลตำรวจ กรมราชทัณฑ์เราจะใช้ฐานที่ทาง กสม. ประกอบกับสิ่งที่กรรมาธิการกำลังกำลังดำเนินการอยู่?
รังสิมันต์ : คาดว่าคงเป็นหนึ่งในคำถามที่ต้องถามเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องก็คือเขาก็คงจะได้มีสิทธิ์ที่จะอธิบายหรือโต้แย้งแต่เราก็เชื่อว่าข้อมูลที่ กสม.ทำมาเนี่ย เป็นประโยชน์อย่างแน่นอน
The Publisher : ในส่วนของคุณจตุพร พรหมพันธุ์ ก็เหมือนกับว่าวิจารณ์การทำงานครั้งนี้ของทาง คุณโรม เหมือนแก้เกี้ยวหรือเปล่า เพราะที่ผ่านมายังไม่เคยแตะคุณทักษิณเลย เพียงแต่ตอนนี้เหมือนกับพรรคประชาชนอาจจะยังไม่ได้มีกระแสนิยมมากเหมือนเมื่อก่อนก็เลยเหมือนเอากรณีนี้มาเพื่อดึงกระแสนิยม
รังสิมันต์ : ผมคิดว่ามันคงต้องแยกกันในเรื่องของกระแสนิยม ก็เป็นเรื่องที่ประชาชนก็วิพากษ์วิจารณ์กันได้ ผมก็พร้อมที่จะรับฟังและพวกเราก็พร้อมที่จะทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด แต่ผมคิดว่าถ้าเราจะบอกว่าเราไม่เคยตามหรือวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้เลยคิดว่าอาจจะไม่เป็นธรรมกับเรา เพราะว่าตัวผมเองนะครับ ก็เป็นหนึ่งในคนที่ตั้งกระทู้ถามสดกับรัฐบาลเรื่องนี้ ผมจำได้ว่าคนที่มาตอบคำถามผมคือ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง และคนที่ตั้งกระทู้ถามสดที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรมชั้น 14 ก็จะมีสส.ณัฐธชา สส.ชลธิชา แล้วก็การอภิปรายทั่วไป ก็เป็น สส. วาโย เรื่องทางการแพทย์ เรียกว่าแทบจะเป็นโคนันมาเป็นฉากฉากเลย ดังนั้นถ้าจะบอกว่าเราไม่แตะเรื่องนี้ ไม่ติดตามเรื่องนี้เลย ก็คิดว่าจะไม่เป็นธรรมสำหรับเรา
ถ้าจะบอกว่าโอเคยังติดตามไม่ดีพอ เราพร้อมรับฟัง แต่ยืนยันว่ามีการติดตามเรื่องนี้มาโดยตลอดในกรรมาธิการชุดผมเองตอนที่มันมีชั้น 14 ก็ผมก็เรียกทางรัฐบาลชี้แจงเรื่องนี้ด้วย ประเด็นก็คือว่าช่วงก่อนหน้านี้ เราทำต้องยอมรับว่าข้อมูลหลายๆ อย่างมันอาจจะยังเข้าถึง วันนี้ข้อมูลต่างๆ มันมีความชัดเจนขึ้น จะบอกว่าฝีมันเริ่มแตก มันก็เริ่มชัดเจนขึ้นเราก็ต้องทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด
The Publisher : คือตอนนี้มีหลายหลายฝ่ายที่เรียกร้องไปยังนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่เป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าควรจะมีบทบาทในการที่จะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความร่วมมือกับการตรวจสอบ คุณโรคิดว่านายกรัฐมนตรีควรเข้ามามีบทบาทในเรื่องนี้แบบไหนอย่างไร
รังสิมันต์ : จริงๆ สิ่งที่นายกทำได้ก็คือการสั่งการให้ผู้ใต้บังคับบัญชาให้ความร่วมมือกับหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ในการตรวจสอบ แต่เราต้องยอมรับความเป็นจริงว่าเรากำลังตรวจสอบผู้ที่ครอบครองนายกรัฐมนตรี ดังนั้นในทางปฏิบัติ มันก็คงไม่ง่าย เพราะนายกฯ คงไม่ยอม แล้วมันก็ต้องยอมรับมันมีเค้าลางบางอย่างของการกระทำ ที่อาจไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งมันอาจจะสั่นสะเทือนถึงรัฐบาล
ดังนั้นเรื่องนี้คงเป็นไปได้ยากที่รัฐบาลจะยอมให้เราตรวจสอบเรื่องนี้ได้ง่ายๆ แต่เราก็ต้องทำหน้าที่
่แต่สิ่งที่ผมอยากจะย้ำรัฐบาลเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา บางครั้งก็เป็นรัฐบาล บางครั้งประชาชนเสื่อมศรัทธาบุคคลนั้นหรือพรรคการเมืองนั้นไม่ได้รับความนิยม ดังนั้นข้าราชการประจำ เจ้าหน้าที่ประจำเป็นฝ่ายปฏิบัติพึงสังวรไว้ว่า ท่านไม่ควรที่จะมาเกาะกำบังให้กับใคร หน้าที่ของท่านก็คือการทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา เพื่อประโยชน์สุขของประชาชน พวกเราทุกคนจะเป็นนักการเมืองจะเป็นข้าราชการ จะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ เราล้วนแต่มีหน้าที่เพื่อพี่น้องประชาชน ดังนั้นอย่าใช้ตัวเอง อย่าถึงขนาดเสียสละตัวเองเพื่อใครเลย มันไม่คุ้มกันหรอก เพราะผมเชื่อว่าในที่สุดถ้ามันเป็นการกระทำที่ไม่ชอบโดยกฎหมาย สุดท้ายคนตัวเล็กเล็กจะโดนก่อน แล้วตัวใหญ่ตัวใหญ่พยายามปัดให้เป็นเรื่องของตัวเล็ก ซึ่งผมหวังว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐทุกคน จะเข้าใจประเด็นนี้ และให้ความร่วมมือกับฝ่ายตรวจสอบให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
The Publisher : รัฐบาลจะได้รับผลกระทบอย่างไรถ้าทำแบบนั้น
รังสิมันต์ : คงต้องไปดูกันว่าผลของความร้ายแรงที่ถ้ามันมีของการปฎิบัติที่ชอบด้วยกฎหมายคงต้องดูกันว่าผลของความร้ายแรงจะเป็นอย่างไรผมยังไม่อยากรีบด่วนสรุป