เริ่มมีคำถามมากขึ้นว่า “อบายมุขเสรี” กำลังกลายเป็น “ธีมหลัก” ของรัฐบาลแพทองธาร หรือไม่? หลังพรรคเพื่อไทยเดินหน้าเต็มสูบผลักดัน กาสิโนถูกกฎหมาย พนันออนไลน์ถูกกฎหมาย และ ผ่อนปรนการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวันสำคัญทางศาสนา
จากประเทศที่เคยพยายามควบคุมปัญหาสังคม กำลังกลายเป็น “ดินแดนเสรีอบายมุข”…จากรัฐบาลที่หาเสียงเรื่องปากท้อง กำลังกลายเป็นรัฐบาลที่พยายามทำเงินจากประชาชนด้วยอบายมุขนานัปการ
นี่คือการพัฒนาเศรษฐกิจ หรือกำลังพาประเทศเข้าสู่ยุค “อโคจร” ?
กาสิโนถูกกฎหมาย ที่อ้างว่าเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจ คิดบ้างหรือไม่ว่ามัอนาจพลิกกลายเป็นหรือศูนย์กลางหนี้สินประชาชน?
รัฐบาลผลักดัน “Entertainment Complex” ที่รวมกาสิโน โรงแรม และแหล่งท่องเที่ยวครบวงจร ด้วยข้ออ้างหลักว่า กระตุ้นเศรษฐกิจ ดึงดูดนักท่องเที่ยว ดึงเม็ดเงินเข้าประเทศ แต่ความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในหลายประเทศ สิงคโปร์ แม้มีรายได้มหาศาลจากกาสิโน แต่ต้องออกกฎหมายคุมเข้ม ป้องกันคนติดพนัน มาเก๊า เคยเป็น “สวรรค์ของกาสิโน” ก่อนจะถูกจับตาว่ากำลังจะกลายเป็นศูนย์กลางฟอกเงินข้ามชาติ แม้แต่กัมพูชา ที่เต็มไปด้วยกาสิโนแต่ประชาชนในพื้นที่กลับไม่ได้ประโยชน์ มีแต่เจ้าของธุรกิจต่างชาติที่ร่ำรวย และเต็มไปด้วยปัญหาค้ามนุษย์ คอลเซ็นเตอร์ รวมถึงแหล่งฟอกเงินด้วย
แล้วประเทศไทยจะไปทางไหน?
ย้อนดูประเทศไทย นโยบายก็ยังเต็มไปด้วยความย้อนแย้ง บอกมี กาสิโน เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว แต่เปิดช่องให้คนไทยเข้ากาสิโนได้ เพราะต้องการดึงเงินไม่ให้ไหลไปบ่อนต่างประเทศ แถมไร้มาตรการดูแลผลกระทบทางสังคม สิ่งที่เห็นชัดคือ “นักลงทุนกาสิโน” รวยขึ้น แต่ “ประชาชนที่เล่น” หมดตัว เศรษฐกิจโตจากเงินอบายมุข แต่ คนไทยเสี่ยงพังเพราะหนี้สินการพนัน
พนันออนไลน์ถูกกฎหมาย สร้างรายได้ หรือ ฟอกเงิน!
รัฐบาลแพทองธารพยายามทำให้พนันออนไลน์ถูกกฎหมาย อ้างว่า “จะควบคุมให้ปลอดภัย” แต่ในความเป็นจริง…เงินพนันออนไลน์หมุนเวียนมหาศาล มักถูกใช้เป็นเครื่องมือฟอกเงิน เยาวชนเข้าสู่การพนันง่ายขึ้น คนติดพนันมากขึ้น และยังเป็นการสส่งสัญญาณผิด ๆ ให้สังคมว่า การพนันเป็นเรื่องปกติทำได้โดยถูกกฎหมาย หลายประเทศที่เคยทำให้พนันออนไลน์ถูกกฎหมาย เช่น ฟิลิปปินส์ และกัมพูชา สุดท้ายต้องกลับมาคุมเข้ม เพราะอาชญากรรมและหนี้สินพุ่งสูง
แล้วประเทศไทยจะรับมือยังไง? ยังไม่เห็นพูดถึง เห็นแต่ความกระหี้ยนกระหือรือจะทำ “พนันออนไลน์ถูกกฎหมาย” ดึงเงินใต้โต๊ะมาอยู่บนโต๊ะแต่ไม่รู้…สุดท้ายเข้ากระเป๋าใคร ประเทศไทยได้แค่เศษเงินหรือเปล่า? คุ้มค่าไหมกับที่เยาวชนไทยจะเข้าถึงการพนันง่ายขึ้น เพราะทุกอย่างเป็นออนไลน์? หนี้พนันจะระบาดไปทุกระดับครัวเรือนรัฐบาลมองปัญหานี้บ้างหรือไม่?
ขายแอลกอฮอล์เสรี – กระตุ้นเศรษฐกิจ หรือกระตุ้นปัญหาสังคม?
รัฐบาลแพทองธารสนับสนุนให้ขยายเวลาขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อให้ร้านค้าและภาคธุรกิจได้ประโยชน์ แต่ความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้คือ…ประเทศไทยมีสถิติ อุบัติเหตุบนท้องถนนที่เกี่ยวกับแอลกอฮอล์สูงติดอันดับโลก การดื่มแอลกอฮอล์เชื่อมโยงกับ ปัญหาอาชญากรรม ความรุนแรงในครอบครัว และสุขภาพประชาชน หลายประเทศทั่วโลกมีการควบคุมเวลาขายแอลกอฮอล์อย่างเข้มงวด เช่น นอร์เวย์ – ห้ามขายแอลกอฮอล์ในร้านค้าหลัง 20.00 น. และวันอาทิตย์ห้ามขาย สิงคโปร์ ห้ามขายแอลกอฮอล์หลัง 22.30 น. และห้ามดื่มในที่สาธารณะหลังเวลาดังกล่าว ส่วนประเทศไทย (ปัจจุบัน) – จำกัดเวลาขายระหว่าง 11.00-14.00 น. และ 17.00-24.00 น. แต่ล่าสุดรัฐบาลแพทองธาร มีมติ “ผ่อนปรน” การขายแอลกอฮอล์ในวันสำคัญทางศาสนา โดยอนุญาตให้ขายในสถานที่ต่อไปนี้ สนามบินระหว่างประเทศ,สถานบริการที่ได้รับอนุญาต,โรงแรมตามกฎหมายว่าด้วยโรงแรม และ สถานที่จัดกิจกรรมระดับชาติหรือนานาชาติที่มีคนเข้าร่วมจำนวนมาก ให้เหตุผลว่าเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว
แต่ผลที่ตามมาคือ…การลดคุณค่าทางศาสนา,การเพิ่มปัญหาการบริโภคแอลกอฮอล์โดยไม่จำเป็น และส่งสัญญาณว่าประเทศไทยกำลังเดินหน้าสู่ “ประเทศเสรีอบายมุข” อย่างเต็มตัวใช่หรือไม่?
“อบายมุขเสรี” คืออนาคตประเทศไทยจริงหรือ?
รัฐบาลแพทองธารอ้างว่า การเปิดกาสิโน พนันออนไลน์ และแอลกอฮอล์เสรี จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่เศรษฐกิจที่โตจากการทำให้ประชาชนเป็นหนี้ เป็นเศรษฐกิจที่ดีจริงหรือ? รายได้ที่มาจากความสูญเสียของประชาชน และความเสี่ยงของสังคม ควรเป็นสิ่งที่รัฐบาลสนับสนุนหรือไม่? สุดท้ายแล้ว ประเทศไทยต้องการ “เศรษฐกิจที่โตด้วยนวัตกรรม” หรือ “เศรษฐกิจที่โตด้วยอบายมุข”?
นี่คือเวลาที่ประชาชนต้องตั้งคำถามว่า…“อบายมุขเสรี เป็นนโยบายพัฒนาประเทศ หรือแค่ทางลัดให้รัฐบาลหาเงินจากประชาชน?”
ความซวยของคนไทยคือการมี “รัฐบาลอโคจร”
อบายมุข คือทางแห่งความเสื่อม…อโคจร คือสถานที่ที่ไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยว
รัฐบาลนี้กำลัง…ทำให้อบายมุขกลายเป็นนโยบายหลักของประเทศ ทำให้พื้นที่อโคจรกลายเป็นสถานที่ถูกกฎหมาย แทนที่จะพัฒนาเศรษฐกิจด้วยเทคโนโลยี นวัตกรรม และการลงทุนที่สร้างอนาคต แต่รัฐบาลนี้กลับพาประเทศไทยเข้าสู่ “ทางเสื่อม” ด้วยการส่งเสริมอบายมุขอย่างเป็นระบบ
สุดท้ายแล้ว ประชาชนไทยต้องเลือกเอง ว่าจะปล่อยให้รัฐบาลนำพาสังคมเข้าสู่อโคจร หรือหยุดมันก่อนที่ประเทศจะพังไปมากกว่านี้!