เป็นวาระสำคัญทีเดียว สำหรับการประชุมคณะกรรมการสรรหา ที่จะเคาะชื่อประธานคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ประธานบอร์ดแบงก์ชาติ (8 ต.ค.) ซึ่ง The Publisher จึงได้พูดคุยกับคุณสมชาย แสวงการ อดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.) กับความกังวลว่านี่คือจุดเริ่มต้นของการควบคุม และแทรกแซงแบงก์ชาติ หลังจากที่รัฐบาลรอคอยมานานหรือไม่
The Publisher : ทำไมมีความกังวลเกี่ยวกับเรื่องการตั้งประธานบอร์ดแบงค์ชาติ
สมชาย แสวงการ : ก็มีข่าวมาตลอดว่าฝ่ายการเมือง โดยการนำของพรรคเพื่อไทย อยากควบคุมการความเป็นอิสระของธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งขัดต่อหลักความเป็นอิสระมาก แล้วชื่อที่ปรากฏมาขนาดนี้ ก็อาจจะเป็นชื่อของคุณกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งเคยมีนโยบายสมัยที่เป็นรัฐมนตรีว่าจะเข้าไปควบคุมแบงก์ชาติ
นั่นหมายความว่านโยบายที่ออกมาไม่ว่าจะเป็นดิจิทัลวอลเล็ตที่ผ่านมา อดีตผู้ว่าแบงก์ชาติก็ดี รวมถึงผู้ว่าแบงก์ชาติคนปัจจุบันออกมาคัดค้าน การแจกเงินดิจิตอลวอลเล็ตจึงไม่สำเร็จ แล้วก็มีข้อเสนอว่าต้องจะให้เงิน แก้ไขปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจให้กับกลุ่มคนเปราะบาง 14 ล้านคน ก็ทำเป็นเงินสด ซึ่งวันนี้ก็ออกมาตามข้อเสนอของแบงก์ชาติ เมื่อปีเศษๆที่แล้ว งั้น อันนั้นคือประการที่ 1 ที่ส่อเค้าราง
ส่วนอันที่ 2 คุณอุ๊งอิ๊งเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยประกาศเมื่อ 10 กว่าเดือนที่แล้ว ออกมาโจมตี ธนาคารแห่งประเทศไทย แบบเดียวกับคุณเศรษฐา ทวีสิน ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีขณะนั้น ว่ามีปัญหาที่ทำให้การเมืองไม่สามารถเข้าไปกำกับควบคุมได้ เหมือนจะบอกว่าธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นอิสระจากรัฐบาล เป็นอุปสรรคในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ และนโยบายการคลังถูกใช้เพียงด้านเดียว ทำให้ประเทศเรามีหนี้สูงขึ้น และมากขึ้นทุกปี ก็เห็นชัดเจนว่า มีความพยายามที่จะเข้าไปในการควบคุม กำกับดูแล นโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งผมคิดว่าเราต้องจับตาการเลือกกรรมการ และประธาน มีคำถามที่เราสงสัยว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น แล้วถ้ามันเกิดขึ้น มันหมายความว่าจะเสียสมดุลหรือไม่ ในอดีตประเทศไทยเคยเกิดตอนวิกฤติต้มยำกุ้ง เพราะการที่เข้าไปแทรกแซงของฝ่ายการเมือง กว่าจะกอบกู้ประเทศกลับมาได้ เป็นบทเรียนก่อนแก้ไข พ.ร.บ.ธนาคารแห่งประเทศไทย จนมีอิสระพอสมควร แต่เป็นความอิสระภายใต้ความรับผิดชอบต่อประเทศชาติ และประชาชน
ยกตัวอย่างประเทศที่ทำให้เกิดปัญหาแบบเดียวกัน คือตุรกี ซึ่งเข้าไปแทรกแซงธนาคารกลาง เพราะประธานาธิบดีของเขาต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจ ในขณะที่มีปัญหาเงินเฟ้อรุนแรง ผู้ว่าธนาคารกลางไม่ยอมปฏิบัติตาม จึงเข้าไปแทรกแซงแล้วเปลี่ยนผู้ว่าแบงก์ชาติในระยะเวลา 5 ปีเปลี่ยนไปเป็น 4 คน มันเกิดอะไรขึ้น ค่าเงินตุรกีลดลงไป 80% เงินเฟ้อเพิ่มขึ้นเป็น 65% เสถียรภาพทางการเงินของตุรกีมีปัญหาทันที
วันนี้ผมยังไม่ได้กล่าวหานะ แต่ผมดูสิ่งที่คุณอุ๊งอิ๊งพูด สิ่งที่คุณเศรษฐาพูด สิ่งที่คุณกิตติรัตน์ ที่คาดหมายว่าจะมาเป็นประธาน ถ้าคุณกิตติรัตน์มา เข้ามีทัศนคติที่ชัดเจนมาตอนที่เป็นรัฐมนตรีคลัง และรัฐมนตรีพาณิชย์ ว่าไม่เห็นด้วยกับการเป็นอิสระของผู้ว่าแบงค์ชาติ ยิ่งมีคุณพิชัยออกมาโจมตี ผู้ว่าแบงก์ชาติ เราจะเห็นเค้าลางทางการเมืองว่า การตั้งกรรมการน่าจะเอาคนการเมืองเข้ามา พอเข้ามาพร้อม ก็จะเกิดวิกฤตตามมาในอนาคตต
The Publisher : รัฐบาลพยายามบอกว่าแบงค์ชาติต้องช่วยแบ่งเบาภาระในเรื่องของการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วย เพราะใช้นโยบายการคลังไปด้านเดียว อยากให้แบงก์ชาติใช้นโยบายด้านการเงิน ทั้งลดดอกเบี้ยแล้วก็เข้าไปบริหารจัดการค่าเงินไม่ให้แข็งค่าจนเกินไป เหตุผลฟังขึ้นไหมสำหรับรัฐบาล
สมชาย แสวงการ : ฟังไม่ขึ้นครับ เหตุผลก็คือ การปฏิบัติงาน และ พ.ร.บ.ธนาคารแห่งประเทศไทย เขาให้ธนาคารกลาง ดูแลเสถียรภาพทางการเงิน ดูแลเสถียรภาพของระบบสถาบันการเงิน และระบบการชำระเงินของประเทศ คือเขาดูภาพรวม รัฐบาลก็ดูผลงานเฉพาะหน้า แต่กฎหมายไม่ได้บอกว่าแบงค์ชาติอิสระโดยไม่ต้องฟังใครนะ แบงก์ชาติก็ประสานนโยบายกับรัฐบาล อย่างคุณพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรรีว่าการกระทรวงการคลัง เชิญผู้ว่าการแบงค์ชาติมาคุย แม้กระทั่งจะทำดิจิทัลวอลเล็ต ก็เชิญผู้ว่าแบงค์ชาติไปเป็น กรรมการด้วย ไม่ได้หมายความว่า เขาไม่ฟังรัฐบาล แต่ถ้ารัฐบาลจะไปแก้ปัญหาตามใจรัฐบาล ผู้ว่าแบงก์ชาติเขามีสิทธิที่จะไม่ดำเนินการ เพราะเขามีความอิสระ
ไม่ได้หมายความว่ากฎหมายไทยทำให้แบงค์ชาติอิสระอย่างเดียวนะ ความเป็นอิสระนี้มันเป็นสากลครับ ได้ดูอย่างสหรัฐอเมริกา เยอรมัน สิงคโปร์ ญี่ปุ่น เขาให้อิสระ และประเทศที่ไม่ให้อิสระกับแบงก์ชาติ และเข้าไปควบคุมกำกับมันเจ๊งหมดอยู่แล้ว ฝ่ายการเมืองก็คิดแบบ คิดแบบเจาะเอาผลสำเร็จของตัวเอง แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้น มีตัวอย่างมาแล้ว ในอดีตที่แบงก์ชาติถูกแทรกแซงทางการเมือง นำไปสู่นำไปสู่วิกฤติต้มยำกุ้ง
รัฐบาลขณะนี้ กลับมาเป็นพรรคเพื่อไทยอีกแล้ว กำลังจะทำให้ความเป็นอิสระทางการเมืองของธนาคารกลางหายไปอีกแล้วใช่ไหม เพราะอะไร ธนาคารกลาง มีความเป็นอิสระ มีความรับผิดชอบ ถูกปลดไม่ได้ แต่มีกลไกช่วยให้รักษาเสถียรภาพได้นะครับ มันก็จะไม่โอนเอียงไปตามนโยบาย วันนี้เอาอย่างหนึ่ง พรุ่งนี้เอาอย่างหนึ่ง หรือเดินไปตามกระแส พอเดินไปตามกระแส มันไม่สร้างเสถียรภาพ แล้วมันอาจจะมีปัญหาเรื่องหลักนิติธรรมด้วยซ้ำไป หากความเป็นอิสระของแบงก์ชาติหายไป แน่นอนสิ่งที่ตามมาไม่ต้องคาดเดาเลยว่า จะเกิดอะไรขึ้น ผู้ว่าฯ อาจจะถูกปลด ภารกิจก็จะเอียงไปตามฝ่ายการเมือง วันนั้นฝ่ายการเมืองควบคุมได้แล้ว แต่ประเทศชาติ ไม่มีใครช่วยดูแล
วันนี้ ผมเรียนไปยัง คณะกรรมการสรรหา ซึ่งหลายท่านถือว่าเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมือง ผมฝากความหวังไว้กรรมการสรรหาชุดนี้นะครับ ว่าอย่าให้รายชื่อของบุคคลที่จะเข้ามาเป็นกรรมการของแบงก์ชาติ ถูกฝ่ายการเมืองครอบงำ ไม่เช่นนั้นท่านจะถูกตราหน้าไว้ในวันหน้าว่าท่านปล่อยกรรมการเหล่านี้ ให้าฝ่ายการเมืองเข้าไปยุ่งกับแบงค์ชาติ เรื่องตั้งปลดผู้ว่าแบงค์ชาติอาจจะทำหรือไม่ทำไม่รู้ แต่จะเป็นฟางเส้นสุดท้ายของการต่อสู้ทางการเมืองที่ประชาชนลุกฮือก็ได้
เรื่องที่ 3 คือกองทุนสำรองระหว่างประเทศ ที่เรามีเยอะมาก ถ้าแบงค์ชาติถูกเอาเงินทุนสำรองระหว่างประเทศและทองคำเหล่านี้ออกไป คุณกิตติรัตน์เคยมีความพยายามจะเอาหนี้ มาโอนให้เป็นเรื่องของแบงก์ชาติ ใช่ไหม มันก็ทำให้เกิดความโกลาหลของตลาดเงิน ตลาดทุน ความน่าเชื่อถือของแบงก์ชาติ แล้วท้ายที่สุด เราจะเจอสิ่งที่ไม่คาดคิด เมื่อการเมืองเข้าแทรกแซง ซึ่งสากลเขาไม่ทำกันแล้ว นักลงทุนต่างชาติที่มาลงทุนในตลาดหลักทรัพย์พอเห็นแบงค์เห็นอดีตรัฐมนตรีเข้าไป เห็นผลของการเมืองเข้าไป ฝรั่งเทขายหมดแน่ เสถียรภาพเกิดปัญหา และแน่นอนในอนาคต พระราชบัญญัติมีเรื่องการเอาผิดเอาโทษนะ ถ้าปล่อยให้เดินแบบนี้นะครับ