นายธนากร คมกฤส เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน ให้สัมภาษณ์ The Publisher ถึงเนื้อหาในร่าง พ.ร.บ.การประกอบกิจการสถานบันเทิงครบวงจร หรือ เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่เตรียมจะนำเข้าสู่ที่ประชุม ครม.ในเดือนม.ค.68 ว่ามีหลายประเด็นที่น่ากังวล เพราะมีช่องโหว่อยู่มาก ไม่ตรงปกกับที่เคยเสนอว่าจะทำแบบสิงคโปร์โมเดล โดยพบว่ามีการลดสเป็ก องค์ประกอบลงไปหมด โรงแรมไม่ต้องห้าดาว ห้างสรรพสินค้า ศูนย์ประชุมที่เคยขายไอเดียไว้ อาจมีหรือไม่มีก็ได้ และจะมีกาสิโนกี่แห่งก็ได้ เพราะไม่มีการกำหนดเอาไว้ ทุกอย่างเขียนไว้ลอยมาก อีกทั้งคนไทยยังเข้าเล่นได้ง่าย เนื่องจากกฎหมายกำหนดว่า การเก็บค่าธรรมเนียมคนในประเทศสูงสุดไม่เกินห้าพันบาท เท่ากับว่าอาจเก็บต่ำกว่าหรือไม่เก็บเลยก็ได้ และไม่มีการตั้งกองทุนด้านการลดปัญหาและผลกระทบจากการพนัน ซึ่งสิงคโปร์ที่ถูกอ้างถึงมี และเขากำหนดชัดว่าจะมีกาสิโนแค่สองแห่งเท่านั้น และสัดส่วนเปอร์เซ็นต์ของกาสิโนต้องไม่เกิน 2 % แต่ของเราให้ขึ้นอยู่กับการกำหนดของบอร์ด ขณะที่ญี่ปุ่นก็กำหนดจะมีกาสิโนแค่สามที่ และให้ท้องถิ่นเป็นผู้เสนอโพรเจกต์ เท่าที่ทราบมีเพียงเมืองเดียวที่เสนอคือโอซากา แต่นางาซากิ และ ฟูกุโอกะ ยังไม่พร้อม แบบนี้เรียกว่ามี “ธรรมาภิบาล” แต่ของเราไม่มี เพราะยกอำนาจการจัดการทั้งหมดไว้ที่ซุปเปอร์บอร์ด ที่นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เหมือนตีเช็กเปล่า มีอำนาจแทบทุกอย่างทั้งการอนุมัติที่ตั้งว่าจะให้ตั้งที่จังหวัดใด โดยไม่ต้องรับฟังความเห็นประชาชน จะให้ตั้งได้กี่แห่ง จะให้ใครเป็นผู้ได้รับใบอนุญาต ไม่ต้องมีการประมูล แม้แต่การจัดเก็บภาษีเท่าไหร่ก็ไม่มีเขียนไว้ชัดเจนในกฎหมาย แต่เป็นการให้ใบอนุญาตโดยไม่มีการประมูล ทุกอย่างขึ้นอยู่กับบอร์ดจะตัดสินใจ ทั้งที่เป็นผลประโยชน์ได้เสียของประเทศชาติ
“ความไม่โปร่งใสที่ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของซุปเปอร์บอร์ดเช่นนี้ สะท้อนถึงการไม่มีธรรมาภิบาล อาจเกิดการเอื้อกลุ่มผู้ลงทุน เพราะไม่ต้องมีการประมูลเป็นเรื่องที่น่าห่วงใย ตอนนี้ยังไม่ชัดเจนเลยว่าตกลงรัฐบาลจะให้มีกาสิโนกี่แห่ง ขนาดเป็นอย่างไร กฎหมายที่มีช่องโหว่มากเช่นนี้อาจถูกใช้ฟอกเงินและยังทำให้เกิดปัญหาการทุจริตได้ด้วย”
เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน บอกด้วยว่า เรื่องการอนุมัติใบอนุญาตก็เป็นอีกเรื่องที่อันตราย เพราะกฎหมายไม่เขียนว่ารายได้จากส่วนนี้จะต้องส่งเข้ารัฐกี่เปอร์เซ็นต์ เงินเหล่านี้จะไปไหน แต่ไปเขียนในเรื่องสำนักงานกำกับดูแลสถานบันเทิงครบวงจรที่เป็นหน่วยงานใหม่ รับค่าธรรมเนียม ใบอนุญาตไป เกิดคำถามทำไมไม่เขียนเหมือนสำนักงานสลากกินแบ่งฯ ว่าเงินที่ได้จากการค้าสลากฯ ต้องส่งเข้ารัฐ 23% สำนักงานรับ 3 % เป็นค่าบริหารจัดการ แต่กฎหมายฉบับนี้เขียนว่า สำนักงานมีรายได้ราวสิบรายการ
รายการหลักคือค่าใบอนุญาตและค่าธรรมเนียม ซึ่งจะเป็นเงินหลายพันล้านบาท และเขียนไว้อีกว่า รายได้เหลือจากรายจ่ายให้นำส่งเข้าแผ่นดิน เป็นการเปิดช่องว่า ถ้าจ่ายแล้วไม่เหลือก็ไม่ต้องส่งเข้าแผ่นดิน แล้วแบบนี้จะได้เงินเต็มเม็ดเต็มหน่วยหรือไม่ เพราะกฎหมายไม่ได้เขียนล็อกไว้ และเงินที่ให้สำนักงานฯ จะเอาไปจ่ายอะไร ก็เขียนไว้ว่าให้เสนอโครงการให้บอร์ดพิจารณา แสดงว่าอาจเกิดปรากฏการณ์สำนักงานฯ ไม่เขียนเอง แต่บอร์ดกระซิบให้เขียนทำโครงการชงเงินให้ฝ่ายการเมืองไปใช้ใช่หรือไม่ เหลือแล้วค่อยส่งเข้าแผ่นดิน สุดท้ายเงินที่ได้มาถูกเอาไปใช้ตามวัตถุประสงค์ทางการเมืองไม่ได้เข้ารัฐอย่างแท้จริง ตนจึงไม่สบายใจเพราะกฎหมายเปิดช่องไว้เยอะมาก เรื่องที่ควรห่วงใยก็ไม่ให้ความสำคัญ ไม่พูดเรื่องหน่วยงานที่ต้องดูแลผลกระทบจากการเล่นการพนัน ขณะที่สิงคโปร์เก็บ 17% เข้ากองทุนฯ เพื่อทำงานประโยชน์ต่อสาธารณะ
“การไม่กำหนดชัดเจนเรื่องรายได้เข้าคลัง อาจกลายเป็นแหล่งเงินนอกระบบให้ฝ่ายการเมืองเข้ามาล้วงหรือกลายเป็นตู้เอทีเอ็มใหม่ให้ฝ่ายการเมืองมากดใช้ตามใจชอบเพื่อผลทางการเมืองได้ สังคมต้องช่วยกันติดตามสะท้อนความเห็น ไม่ควรปล่อยผ่านให้กฎหมายฉบับนี้คลอดออกมา ต้องตั้งคำถามกับรัฐบาลว่าทำไมต้องรีบร้อนรวบรัดออกกฎหมาย ทั้ง ๆ ที่เรื่องนี้ไม่ใช่นโยบายในการหาเสียงของพรรคร่วมรัฐบาลแม้แต่พรรคเดียว อยู่ดี ๆ ก็มาผลักดันเดินหน้าเต็มที่ ถามว่าที่มาที่ไปมาจากไหน ความต้องการของใคร และยังจะเอาเรื่องพนันออนไลน์อีก มีอะไรแอบแฝงอยู่หรือไม่ เสนอขึ้นมาเพื่อหวังผลอะไรหรือไม่ ประชาชนมีสิทธิตั้งข้อสงสัย เพราะประเทศชาติไม่ได้ประโยชน์อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย มีการยกตัวอย่างกันอยู่ตลอดว่า จะทำเหมือนสิงคโปร์ สุดท้ายจะกลายเป็นว่า อ้างสิงคโปร์จบแบบปอยเปต”
หลังจากนี้ มูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน จะเดินหน้าให้ข้อมูลกับประชาชนมากขึ้น ขยายผลการรับรู้สู่ภาคประชาสังคมจัดเวทีส่งต่อข้อมูล โดยเฉพาะในพื้นที่ที่เป็นเป้าหมายของเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ รวมถึงมีการแสดงออกของภาคประชาชนในภูมิภาคต่าง ๆ เพื่อให้เกิดความตื่นตัวมากขึ้น และจะเปิดแพลตฟอร์มรับฟังความเห็นจากประชาชน เพื่อแสดงให้เห็นว่าไม่เห็นด้วยกับการมีกาสิโนถูกกฎหมายในประเทศไทย ถ้าปล่อยให้กฎหมายมีผลบังคับใช้ประเทศชาติจะได้รับผลเสียมากกว่าได้ พร้อมกับฝากไปยังพรรคร่วมรัฐบาลให้ช่วยกันคัดค้าน โดยเฉพาะพรรคภูมิใจไทยที่ก่อนหน้านี้เคยออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยก็ควรรักษาจุดยืนของตัวเอง รวมถึงพรรคชาติไทยพัฒนา ที่ดูแลกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จะต้องมีบทบาทคัดค้านในสิ่งที่จะสร้างปัญหาต่อสังคมด้วย
.
ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #รัฐบาลแพทองธาร #รัฐบาลอุ๊งอิ๊งค์ #เพื่อไทย #ทักษิณ #ทักษิณชินวัตร #พนันออนไลน์ #พนันใต้ดิน
ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่
https://thepublisherth.com/