นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำ คปท. เปิดเผยกับ The Publisher ถึงการนัดรวมพลที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา ในวันที่ 11 ม.ค.68 นี้ว่า จะมีกิจกรรมต่อเนื่องตั้งแต่เที่ยงวันยันเที่ยงคืน โดยประเด็นโฟกัสอยู่ที่การติดตามปมชั้น 14 คุกทิพย์ กระตุ้นไปที่แพทยสภา ซึ่งกำหนดให้โรงพยาบาลตำรวจต้องส่งรายละเอียดเกี่ยวกับการรักษา ส่งตัวนายทักษิณ ชินวัตร ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจนานถึง 181 วัน ภายในวันที่ 15 ม.ค.นี้ โดยเชื่อว่าบทสรุปจากแพทยสภาจะออกมาก่อนผลสรุปของ ป.ป.ช.
“ผมคิดว่าเอกสารทางการแพทย์ที่แพทยสภาขอไป รพ.ตำรวจสามารถให้ได้ เพราะต้องตรวจสอบจริยธรรม เชื่อว่าไม่น่าจะมีการใช้แพทยสภาเป็นที่ฟอกขาวให้กับขบวนการช่วยเหลือนายทักษิณ เพราะก่อนหน้านี้มีการระบุแล้วว่า มีมูลตามคำร้องเรื่องจริยธรรมของแพทย์ที่เกี่ยวข้อง ถ้าคำวินิจฉัยของแพทยสภาออกมาจะมีผลต่อเนื่องไปถึง ป.ป.ช.ด้วย และจะเป็นทางออกให้กระบวนการยุติธรรมไทยอยู่ได้ แพทยสภาไม่ใช่แค่รักษาจรรยาบรรณแพทย์แล้วตอนนี้ แต่ต้องช่วยรักษากระบวนการยุติธรรมไทยด้วย ต้องฉีดความจริงเข้าไปให้ได้”
แกนนำ คปท. บอกด้วยว่า หลังจากนี้จะมีการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนที่ห่วงใยบ้านเมืองอย่างต่อเนื่อง โดยจะมีการกำหนดในเชิงยุทธศาสตร์ถึงประเด็นขับเคลื่อนที่ชัดเจน แต่จะยังไม่มีการตั้งองค์กรใหม่ เป็นการรวมตัวกันแบบหลวม ๆ แต่มีเป้าหมายที่ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องชั้น 14 คัดค้านเอ็มโอยู 44 ให้ต่างประเทศเช่าที่ดินได้ 99 ปี และ กาสิโน ซึ่งในวันที่ 21 ม.ค.68 นี้ จะมีการรวมตัวเดินทางไปยื่นหนังสือถึง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ เกี่ยวกับข้อห่วงใยในทุกเรื่อง รวมถึงการทวงถามความรับผิดชอบกรณีที่นายพิชัย ชุณหวชิระ รองนายกฯและรมว.คลัง ที่มีการเสนอชื่อ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง เป็นปธ.บอร์ดแบงก์ชาติ ตามมติของคณะกรรมการคัดเลือกทั้งที่มีการทักท้วงว่า นายกิตติรัตน์มีปัญหาเรื่องคุณสมบัติ ซึ่งสุดท้ายกฤษฎีกาก็ชี้ว่ามีคุณสมบัติต้องห้ามจริง เรื่องเหล่านี้ควรต้องมีคนรับผิดชอบด้วย
“การขับเคลื่อนของภาคประชาชนจะเดินหน้าต่อเนื่องตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป ผมไม่อยากให้มีการปรามาสพลังของประชาชนในทำนองว่าจะจุดไม่ติด จำนวนไม่เยอะ เพราะบริบทของการเคลื่อนไหว การมีส่วนร่วมของประชาชนในปัจจุบันแตกต่างจากในอดีตไม่ได้วัดกันที่จำนวน แต่วัดที่ประเด็นและความจริงที่ขับเคลื่อนจนทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงได้ ที่สำคัญคืออย่าดูถูกมวลชน หากมีประเด็นที่ทำให้เกิดความอึดอัดจนทนไม่ได้ สุดท้ายการลงถนนไม่ใช่ว่าจะไม่เกิดขึ้น”
ส่วนกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร บิดาของนายกฯ ระบุจะส่งเชือกให้กับกลุ่มคนที่เห็นต่างวิพากษ์วิจารณ์เขากับลูกสาวนั้น นายพิชิต กล่าวว่า นายทักษิณไม่ได้มีตำแหน่งทางการเมือง มีแค่ตำแหน่งเดียวคือ สทร.หรือเสือกทุกเรื่อง แต่แสดงพฤติกรรมชัดมีอำนาจเหนือรัฐบาล ที่บอกจะส่งเชือกให้คนอื่นนั้น ไม่ต้องส่งมาให้ดูเชือกที่มีการมัดปมรอบตัวนายทักษิณอยู่จะดีกว่าว่าจะแก้ปมที่มัดตัวเองได้หรือไม่ เพราะสิ่งที่ไปด่าคนอื่นไว้ล้วนแต่กลับมาพันตัวเองทั้งสิ้น
“อย่าลืมว่านายทักษิณเป็นจำเลยในคดี 112 ด้วย การแสดงออกว่ามีอำนาจเหนือรัฐ เหนือนายกฯ แบบนี้ หมิ่นเหม่ต่อการข่มขู่ แทรกแซงพยานในคดีหรือไม่ เป็นเรื่องที่พันตัวเอง แกจะส่งเชือกให้ใครไม่รู้ ไปแก้ปมตัวเองให้ได้ก่อน”
.
#ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #รัฐบาลแพทองธาร #เพื่อไทย #ทักษิณ #ทักษิณชินวัตร
– – – – – – – – – – – – – – – – –
ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่
https://thepublisherth.com/