นายสมชาย แสวงการ อดีตสมาชิกวุฒิสภา ให้สัมภาษณ์ The Publisher ผ่านรายการ “เที่ยงเปรี้ยงปร้าง” ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร ออกมาระบุว่า มีเงิน 6 หมื่นล้านบาท ก่อนที่จะเข้าสู่การเมือง และมีการแสดงบัญชีทรัพย์สิน ขณะเป็นรมว.ต่างประเทศ สังกัดพรรคพลังธรรม โดยที่ยังไม่มีกฎหมายบังคับ รวมทั้งไม่ยอมรับว่า “โกง” ว่า ตนเคยเชื่อว่านายทักษิณจะรวยแล้วไม่โกง แต่หลังมีเรื่อง “บกพร่องโดยสุจริต” จากกรณีซุกหุ้นภาคแรก แม้จะชนะคดีในศาลรรัฐธรรมนูญไป 8 ต่อ 7 แต่ความจริงแล้วคะแนนต้องเป็น 7 ต่อ 4 เพราะมีตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเพียงสี่คนเท่านั้นที่ชี้ว่านายทักษิณไม่จงใจซุกหุ้น ซึ่งรายงานของ คอป.ก็สรุปว่าสาเหตุที่บ้านเมืองวิกฤตมาจากสังคมสมยอม กระบวนการยุติธรรมบิดเบี้ยว ทำให้นายทักษิณติดปีก
รวย-โกง-ซุกหุ้น
“การแสดงบัญชีทรัพย์สินในปี 37 ของนายทักษิณระบุมี 6 หมื่นล้าน แต่ในปี 40 กลับแจ้งบัญชีทรัพย์สินฯ กับป.ป.ช.เพียงแค่ 2 หมื่นล้านบาทเศษ ถามว่าทรัพย์สินหายไปไหน 4 หมื่นล้านในเวลาไม่ถึงสามปี และในการยื่นทรัพย์สินครั้งสุดท้ายก็มีเพียง 8,684 ล้านบาท ถ้าไม่โกหกทรัพย์สินหายไปไหน ทักษิณซุกหุ้นไว้กับแม่บ้าน คนสวน คนขับรถ ถามว่าสุจริตหรือไม่ คำตอบคือทุจริต ซึ่งป.ป.ช.คงสอบย้อนหลังไปในอดีตไม่ได้แล้ว แต่ควรมีสอบทรัพย์สินของน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ เพราะไม่พบว่ามีอาชีพอะไร นอกจากได้สมบัติจากพ่อแม่จึงทำให้มีทรัพย์สินมากกว่า 1.3 หมื่นล้านบาท ทรัพย์สินเหล่านั้นได้มาโดยชอบหรือไม่ ร่ำรวยผิดปกติหรือเปล่า” นายสมชาย กล่าว
อดีตสมาชิกวุฒิสภา ยังย้อนเหตุการณ์ช่วงการบริหารประเทศของนายทักษิณด้วยว่า มีการกุมอำนาจแบบเบ็ดเสร็จทั้งสส.และสว.โดยมีเครือข่ายสว.หลายคนที่ไปเป็นรมต.ในรัฐบาลทักษิณ สว.ที่ทำงานให้นายทักษิณ พูดให้ตนฟังเองว่า มีระบบกลไกควบคุมเสียงได้ 80-120 คนมีการจ่ายเงินเป็นงวดหรือเป็นก้อน รวมทั้งการจ่ายเป็นหุ้น ปตท. สว.ที่เป็นอดีตยังเติร์กที่เสียชีวิตไปแล้ว เคยพูดกับเพื่อนทหารว่า เสียใจที่ทำผิดรับหุ้น ปตท.ได้กำไร 70 ล้านบาทจึงไปอยู่กับระบอบทักษิณ
“นี่คือการซื้อสว. เมื่อซื้อสว.ได้ก็ควบคุมองค์กรอืสระได้ เพราะสว.เป็นผู้เลือกกรรมการในองค์กรอิสระ ขณะนั้นคือเผด็จการรัฐสภา คุมสส.และวุฒิสภา ทำให้เกิดการบิดเบี้ยว จนเกิดความไม่พอใจเป็นวงกว้างชุมนุมต่อต้านระบอบทักษิณก่อนเกิดรัฐประหาร และมีการตั้ง คตส.ขึ้นมาตรวจสอบ ที่นายทักษิณด่าว่าเป็น คกก.เฮงซวย โกงพ่อมึงสิ ความจริงกรรมการคตส.ล้วนแต่เป็นผู้มีความน่าเชื่อถือในความซื่อสัตย์สุจริต ตรวจสอบแบบตรงไปตรงมา“ นายสมชายกล่าว พร้อมย้อนความร่ำรวยของนายทักษิณว่า เกิดจากการได้สัมปทานไทยคม จนเป็นที่มาของคำว่า ”ไม่มีจ๊อดไม่มีไทยคม“ (จ๊อดหมายถึง พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์) รวมถึงธุรกิจโทรคมนาคม ทำให้เกิดความมั่งคั่งอย่างรวดเร็ว เมื่อมีอำนาจก็มีเรื่องหุ้น ปตท. ซึ่งน่าจะทำให้เครือข่ายระบอบทักษิณร่ำรวย ส่วนตอนนี้ก็เป็นธุรกิจพลังงานที่อยู่ในเครือข่ายผู้มีอำนาจ
โกงแล้ว โกงอยู่ โกงต่อ ? แนะจับตา “ดิจิทัลวอลเล็ต-กาสิโน-พนันออนไลน์ถูกกฎหมาย
อดีตสมาชิกวุฒิสภา บอกด้วยว่าขณะนี้มีบางกลุ่มคิดโกงประเทศต่อ ขอให้จับตาโครงการดิจิทัลวอลเล็ตว่าอาจมีการฟอกเงินผ่านดิจิทัลคอยน์ ซึ่งหากเกิดขึ้นจริงก็จะตรวจสอบยาก และการขายใบอนุญาตกาสิโน ดีลกันที่ฮ่องกงมีบางคนไปรับมัดจำมาแล้ว 2 พันล้านบาท ขณะที่มีข่าวว่านักการเมืองจัดฮั้วเรื่องพื้นที่ตั้งกาสิโนเรียบร้อยแล้ว โดยไม่สนใจว่าประเทศชาติจะเสียหายเพียงใด และยังเป็นแหล่งฟอกเงินด้วย ถ้าทำกาสิโนแล้วประเทศดี เราคงไม่เห็นประเทศลาวที่มีกาสิโนใกล้ล้มละลาย ส่วนกัมพูชาที่มีกาสิโนเหมือนกันคนรวยคือผู้นำประเทศ ดูได้จากคฤหาสน์สมเด็จฮุนเซนมูลค่ามากกว่า 4 พันล้านบาท แต่ประชาชนยังยากจนเหมือนเดิม นอกจากนี้ยังพูดถึงโครงการบ้านเพื่อคนไทยให้เช่า 99 ปีด้วยว่า เป็นการดำเนินการเพื่อจะเอามาใช้กับแก๊งกาสิโนให้ต่างชาติสัมปทานประเทศไทย 99 ปี บ้านเมืองกำลังไปสู่หายนะในอนาคต จากเรื่องการแจ้งบัญชีเท็จ
เตือนใครจ่ายชดเชยให้ “ทักษิณ” ระวัง “คุก”
นายสมชายยังกล่าวถึงปัญหาสนามกอล์ฟอัลไพน์ ที่มีการเพิกถอนกรรมสิทธิ์ให้กลับไปเป็นที่ธรณีสงฆ์แล้วว่า ที่ดินดังกล่าวมีการซื้อขายที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงต้องถือว่าธุรกรรมดังกล่าวเป็นโมฆะมาตั้งแต่ต้น ส่วนการชดเชย ก็ต้องไล่เบี้ยว่าซื้อจากใคร ใครเป็นคนขาย คนนั้นต้องรับผิดชอบ และที่ของวัดถ้าจะขายต้องออกเป็น พ.ร.บ. ผู้ซื้อถ้าสุจริตต้องไปฟ้องไล่เบี้ยจากผู้ขาย ซึ่งมีแนวการพิจารณาคดีของศาลฎีกา ชี้ชัดว่าในการเยียวยาจ่ายในราคาที่ซื้อครั้งแรกไม่ใช่ราคาปัจจุบัน
“ทักษิณจะมาฟ้องให้กรมที่ดินจ่าย 7.7 พันล้าน ถ้ากรมที่ดินจ่ายระวังคุกนะ ท่านต้องสู้ให้ถึงที่สุด ให้อัยการสู้คดี ถ้ามีการตั้งงบประมาณแผ่นดิน คนที่โดนคนแรกคืออธิบดีกรมที่ดิน คนผ่านงบประมาณไม่ว่าจะเป็นปลัดมหาดไทย รมว.มหาดไทย ครม. สำนักงบฯ มีความผิดตามกฎหมาย ส่วนชาวบ้านสามารถไปทำสัญญาขอเช่าที่วัดได้ แต่ถ้าจะฟ้องก็ต้องไปไล่เบี้ยบ.ที่เป็นผู้ขาย ส่วนทักษิณถ้าอยากฟ้องไปฟ้องเรียกค่าชดเชยจากนายเสนาะ เทียนทองเอาเอง เรื่องนี้ไม่มีค่าโง่ แต่ถ้าอธิบดีกรมที่ดินตั้งงบฯ รอ เรียกว่า “ค่าโคตรโง่” และต้องโดนดำเนินคดีติดคุก เรื่องกฎหมายเอาจใจนานไม่ได้ เห็นตัวอย่างติกคุกกันไปแล้วจากการเอาใจนาย ถ้าอธิบดีกรมที่ดินอยากเอาใจก็ระวังถูกเขี่ยทิ้ง ซึ่งตอนนี้กรมราชทัณฑ์ และรพ.ตำรวจ ก็กำลังติดคุกจากกรณีชั้น 14” นายสมชาย กล่าวทิ้งท้าย