ดร.ณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน เปิดเผยกับ The Publisher ผ่านรายการ “เที่ยงเปรี้ยงปร้าง” ว่า กรณีมีผู้ไปแจ้งความดำเนินคดีอาญามาตรา 116 เอาผิดนายทักษิณ ชินวัตร ที่ สภ.เมืองศรีสะเกษ ว่า พฤติกรรมของนายทักษิณ เข้าข่ายผิดกฎหมายอาญามาตรา 116 ที่บัญญัติว่า ”ผู้ใดกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นดอันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่แสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในกฎหมายแผ่นดินหรือรัฐบาล โดยใช้กําลังข่มขืนใจ หรือใช้กําลังประทุษร้าย ,เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่จะก่อ ความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร หรือ เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินเจ็ดปี” กรณีของนายทักษิณจะเข้าลักษณะเดียวกับ น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือ ตะวัน โดยคำปราศรัยของนายทักษิณชัดเจนว่ามีเจตนาพิเศษต้องการให้ประชาชนที่มาฟังคำปราศรัย และคนทั่วประเทศ เข้าใจว่านายทักษิณไม่ได้โกง กระบวนการยุติธรรมมิชอบ เขาถูกกระบวนการยุติธรรมกลั่นแกล้ง คำพูดของนายทักษิณ ถ้าคนเชื่อก็จะเกิดความไม่เคารพยำเกรงต่อกฎหมายบ้านเมือง เกิดการกระด้างกระเดื่อง แต่คนที่คิดว่านายทักษิณทำไม่ถูกก็จะเห็นอีกแบบหนึ่ง ทำให้เกิดความแตกแยกในบ้านเมือง เป็นลักษณะเดียวกับกรณีน.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือ ตะวัน
“เจตนาของนายทักษิณที่พูดว่าตั้งคณะกรรมการเฮงซวยมาตรวจสอบ อันนี้เป็นการดูหมิ่น หมิ่นประมาทกระบวนการยุติธรรม เพราะคตส.เป็นคณะกรรมการที่มีกฎหมายรองรับ กระบวนการดำเนินคดีก็เป็นไปตามปกติ ส่งอัยการและศาลฯ เป็นผู้ตัดสินคดีมีการไต่สวน เปิดโอกาสให้ต่อสู้เต็มที่ ก่อนตัดสินยึดทรัพย์และจำคุกนายทักษิณ นายทักษิณบอกด้วยว่าไม่ได้โกง นี่ก็ไปขัดกับพระบรมราชโองการที่พระราชทานอภัยลดโทษให้เพราะนายทักษิณบอกสำนึกผิดยอมรับโทษตามคำพิพากษา ซึ่งตรงส่วนนี้อาจจะต้องดำเนินคดีมาตรา 112 ตามมาอีกด้วย ผมคิดว่าเข้าองค์ประกอบความผิดเป็นอาญาแผ่นดิน ที่ประชาชนสามารถไปแจ้งความดำเนินคดีได้ทั่วประเทศ และน่าจะมีคนไปแจ้งความที่กองปราบฯ ด้วย เพราะอาจจะไม่มั่นใจต่อการทำคดีของตำรวจท้องที่ เนื่องจากผู้ถูกแจ้งความเป็นผู้มีอำนาจในขณะนี้“ ดร.ณฐพร กล่าว
เชื่อรัฐบาลอุ๊งอิ๊งค์ใกล้ถึงจุดจบ
ดร.ณฐพร กล่าวด้วยว่า เหตุผลที่นายทักษิณกล้าทำแบบนี้ เพราะคนในกระบวนการยุติธรรมมีปัญหา ไม่มียุคไหน สมัยใดที่นักการเมืองมีความอหังการ์เท่ายุคนี้ เพราะไม่เพียงแต่มีคดีชั้น 14 และการปราศรัยของนายทักษิณเท่านั้น ยังมีกรณีที่ดินเขากระโดงที่กรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย ไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลฎีกาด้วย ที่เป็นเช่นนี้เพราะเขาคิดว่าเขาสามารถควบคุมคนในกระบวนการยุติธรรมได้ใช่หรือไม่ ทำให้นักการเมืองเหล่านี้มีความอหังการ์ไม่ยำเกรงต่อกฎหมาย ถึงกับกล้าโต้แย้งคำพิพากษาศาล นักโทษเข้าเรือนจำ ไม่นานเป็นนักโทษชั้นเยี่ยม ได้รับการปล่อยตัวอย่างรวดเร็ว ล้วนเกิดในยุคนี้เป็นความเสื่อมเสียที่เกิดขึ้นในขณะนี้
“ผมมั่นใจว่ารัฐบาลอุ๊งอิ๊งค์จะอยู่ได้อีกไม่นาน เพราะมีคดีเยอะ ถ้าป.ป.ช.และกกต.ทำงานอย่างจริงจังเรื่องจบไปนานแล้ว แต่องค์กรเหล่านี้กลับทำหน้าที่ไม่เต็มที่ ผมกำลังร่างคำฟ้องป.ป.ช.ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ เพราะมีคดีผิดจริยธรรมร้ายแรงของนักการเมืองจำนวนมากค้างอยู่ใน ป.ป.ช. เช่น กรณี 44 สส.พรรคก้าวไกลลงชื่อแก้ไขมาตรา 112 กรณีพญ.เกศกมล เปลี่ยนสมัย หรือ หมอเกศ ฝ่าฝืนจริยธรรมเรื่องวุฒิการศึกษา ป.ป.ช.กินเงินเดือนแสนกว่าสองแสน แต่ไม่ปฏิบัติหน้าที่ของตัวเองทั้งที่ต้องรีบทำโดยเร็วเพื่อส่งศาลฎีกา” ดร.ณฐพร กล่าว
จ่อฟ้อง ป.ป.ช.ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ
สำหรับความคืบหน้าคดีที่ยื่นฟ้องอธิบดีกรมที่ดิน ปลัดกระทรวงมหาดไทย และคกก.ตามมาตรา 61 ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ปมไม่เพิกถอนกรรมสิทธิที่เดินเขากระโดงนั้น ดร.ณฐพร บอกว่า ศาลฯ นัดฟังคำสั่งในวันที่ 28 ม.ค.นี้ ถ้าศาลฯ สั่งรับคำร้องก็จะเริ่มกระบวนการนัดไต่สวนมูลฟ้อง ซึ่งเชื่อว่าจะใช้เวลาไม่นาน และหลังศาลฯ รับเป็นคดี ขรก.ที่ถูกฟ้องทั้งหมดต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ โดยคดีนี้จะไปโยงกับกรณีที่มีการร้องจริยธรรม นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.มหาดไทย และนายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.มหาดไทยด้วย
นอกจากนี้ ตนยังอยู่ระหว่างร่างคำร้องขอถวายฎีกาเกี่ยวกับเรื่องการแต่งตั้งผู้ว่าฯ การแต่งตั้งตำรวจ ที่มีลักษณะการใช้อำนาจที่ไม่ถูกต้อง เช่น ก่อนการแต่งตั้งผู้ว่าฯ มีการนำคนที่ต้องการแต่งตั้งไปเป็นรองผู้ว่าฯ ไว้ก่อน ใช้กระบวนการสรรหาตรวจสอบคุณสมบัติเป็นพิธีกรรมเท่านั้น มีข้อมูลว่าเป็นเด็กฝากของใคร เช่น ผู้ว่าฯ นครสวรรค์ สามีเป็นนายกอบจ. เป็นเพื่อนรุ่นเดียวกับใคร เรื่องแบบนี้ไม่ควรเกิดขึ้นในสังคม คนที่มีคุณสมบัติครบถ้วนไม่ได้เลื่อนตำแหน่ง แล้วสังคมจะอยู่กันอย่างไร