เมื่อวานนี้ (23 ม.ค.68) บอร์ด สปสช. จัดสรรงบบัตรทอง 145.63 ล้านบาท รองรับ “บริการด้านสุขภาพสำหรับกลุ่มคนข้ามเพศ” ครอบคลุมสิทธิประโยชน์ใหม่ “ยาฮอร์โมน” ทำให้เกิดคำถามว่า เป็นการจัดสรรงบประมาณที่เหมาะสม หรือเพื่อหาเสียงกับกลุ่ม LGBTQ+ ที่กฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผลบังคับใช้พอดี
รัฐบาลอาจได้หน้า ได้แต้ม แต่ใช่การจัดงบประมาณที่เหมาะสมหรือไม่ ในภาวะที่งบบัตรทองยังขาดแคลนและมีปัญหาในภาพรวม เช่น การเข้าถึงบริการทางการแพทย์ที่จำกัด คุณภาพการรักษาพยาบาลที่ไม่เท่าเทียมกัน และความครอบคลุมของสิทธิประโยชน์ที่ยังไม่เพียงพอ
มีข้อมูลในปี 2567 ว่าโรงพยาบาลรัฐสังกัด สธ.จาก 902 แห่ง มีเงินบำรุงติดลบหรือขาดทุนราว 278 แห่ง และมีแนวโน้มว่าสถานการณ์จะลุกลามมากขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากค่าใช้จ่ายมีแต่จะเพิ่มขึ้นจากภาวะสังคมสูงวัย
ขณะเดียวกันเราได้เห็นการออกมาทวงหนี้จากโรงพยาบาลเอกชน รวมถึงคลินิก ที่เห็นชัดเจนคือกรณีโรงพยาบาลมกุฏวัฒนะ ซึ่งประกาศหยุดรับผู้ป่วยส่งต่อในเดือน ก.พ.-มี.ค.68
ปีงบประมาณ 2568 บัตรทองได้รับงบประมาณรวม 235,842.80 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมาถึง 8.4% จากปี 2567 ขณะที่ปีงบประมาณ 2569 ได้รับการจัดสรรงบประมาณ 272,583.2 ล้านบาท เพิ่มจากปี 2568 ราว 19.5 % สะท้อนชัดภาระบัตรทองนับวันจะยิ่งเพิ่มขึ้น การจัดลำดับความสำคัญในการใช้งบประมาณ ควรแก้ปัญหาหลักที่กระทบต่อภาพรวมก่อนการหาเสียงทางการเมืองหรือไม่